“โลว์ซีซั่น”ท่องเที่ยว“ใต้”ทรุด นทท.แห่เที่ยวชาติคู่แข่งแทน ทำให้สูญรายได้มหาศาล

“โลว์ซีซั่น”ท่องเที่ยว“ใต้”ทรุด นทท.แห่เที่ยวชาติคู่แข่งแทน ทำให้สูญรายได้มหาศาล





Image
ad1

“ภูเก็ต”ระงม “โลว์ซีซั่น” นักท่องเที่ยวต่างประเทศชะลอตัว อดีตโลว์ซีซั่นนักท่องเที่ยวมาเลเซียบุกแทน ปัจจุบันหายหมด ปัจจัยหยุดรถบัสนำเที่ยวมาเลเซีย  รถบัสนำเที่ยวไทย มาเลเซีย MOU แล้ว แน่ยังนิ่ง ควรรวมตัวกันผลักดัน การท่องเที่ยวไทย มาเลเซีย จะคึกคักร่วมกัน 2 ฝ่าย

นายทรงชัย มุ่งประสิทธิชัย นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า ทางกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยว จ.สงขลา อดีตได้นำร่องทำตลาดการท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต กระบี่ พังงา ไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยวประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ เข้าไปท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต เมื่อปี พศ. 2553  จนถึงปี 2557 ต้องชะลอตัว จากที่ทางการ จ.สงขลา ไม่อนุญาตให้รถบัสนำเที่ยวต่างประเทศมาเลเซียเดินทางออกนอกเส้นทาง จ.สงขลา เมื่อเข้ามาท่องเที่ยวยัง จ.สงขลา จะไม่อนุญาตให้รถบัสนำเที่ยวเดินทางต่อออกนอกเส้นทาง ยกเว้นรถส่วนบุคคลทั้งประเภทรถเก๋ง รถตู้

“ได้ส่งผลให้ช่วงโลว์ซีซั่น จ.ภูเก็ต กระบี่ พังงา นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย และสิงคโปร์ต้องชะลอตัวไปในที่สุด”

นายทรงชัย กล่าวว่า รถบัสต่างชาตินำเที่ยวมาเลเซียเข้าไปท่องเที่ยวเฉพาะช่วงโลว์ซีซั่น จ.ภูเก็ต พังงา กระบี่ ในตอนนั้นประมาณ 7,000-8,000 คน / เดือน ไม่ต่ำกว่า 100,000 คน / ปี โดยเฉลี่ยค่าใช้จ่ายประมาณ 10,000 บาท / คน จะมีเงินหมุนสะพัดไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท

นักท่องเที่ยวต่างชาติจากกลุ่มประเทศยุโรป ฯลฯ ที่ต้องชะลอไปเพราะหมดช่วงโฮต์ซีซั่นที่เข้าสู่ช่วงโลว์ซี่ซั่น ก็สามารถเน้นเอานักท่องเที่ยวต่างประเทศคือมาเลเซียและสิงคโปร์ ตลอดจนถึงประเทศอินโดนีเซียได้ และนอกนั้นก็นักท่องเที่ยวชาวไทยด้วย

“ช่วงโลว์ซีซั่นราคาห้องพักราคาจะต่างกับช่วงไฮต์ซีซั่น  ช่วงโลว์ซีซั่นตั้งแต่เดือนพฤษภาคมจนถึงเดือนตุลาคม และเดือนมกราคม เป็นต้นไปก็จะเป็นช่วงไฮต์ซีซั่น”

นายทรงชัย กล่าวอีกว่า สำหรับนักท่องเที่ยวประเทศจีนที่ชะลอตัวไป ได้รับทราบข้อมูลจากเครือข่ายผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยวจากต่างประเทศ ต่างระบุไปในทิศทางเดียวกันคือภาพของไทยขณะนี้มีหลายปัจจัยเชิงลบ เช่น ขบวนการคอลเซ็นเตอร์ เรื่องถูกหลอกลวง จึงได้มีการกระจายข่าวแจ้งเตือนต่อกัน และให้มีการหลีกเลี่ยงการเดินทางท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวจึงหันไปท่องเที่ยวยังประเทศในกลุ่มเอเชีย เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ฯลฯ

นายทรงชัย กล่าวว่า ถึงประเด็นรถบัสนำเที่ยวมาเลเซียที่จะเดินทางเข้ามายัง จ.สงขลา และสามารถขออนุญาตเดินทางต่อไปยังจังหวัดหวัดภาคใต้ และรถบัสนำเที่ยวไทยสามารถเดินทางไปยังประเทศมาเลเซียได้  ซึ่งไทยกับมาเลเซียได้ทำ MOU แล้ว แต่ยังไม่สามารถไปต่อได้ เพราะฝ่ายไทยยังนิ่ง หากผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยวทางภาคใต้ตื่นตัวและรวมตัวตั้งแต่ จ.ภูเก็ต กระบี่ พังงา ตรัง นครศรีธรรมราช  รวมตัวกันผลักดันไปยังรัฐบาลก็สามารถดำเนินการได้ ที่ผ่านมามีนายจรูญ แก้ววจีทรัพย์ นายกสมาคมการท่องเที่ยว จ.พัทลุง และตนในฐานะนายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดสงขลา ได้ดำเนินการหลักดันมาอย่างต่อเนื่องแล้ว

“ต้องไม่ลืมว่าหากรถบัสต่างชาตินำเที่ยวจากประเทศมาเลเซียเข้ามายังพื้นที่ได้ดังอดีต จะส่งเสริมธุรกิจครบวงจรตั้ง จ.สงขลา พัทลุง ตรัง นครศรีธรรมราช จนไปถึง จ.ภูเก็ต ฯลฯ ซึ่งที่ผ่านมา จ.ภูเก็ต กระบี่ พังงา ประสบความสำเร็จมาแล้วในช่วงโลว์ซีซั่น และโดยเฉพาะ จ.นครศรีธรรมราช ประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช มีเงินหมุนสะพัดไม่ต่ำกว่า 300 – 400 ล้านบาท / ปี จากชาวมาเลเซียที่เข้าไปร่วมทำบุญรร่วมประมาณกว่า 3 เดือน”

นายทรงชัย กล่าวอีกว่า ส่วนรถบัสทำเที่ยวที่จะเข้าเดินทางไปยังประเทศมาเลเซีย ก็จะมีนักท่องเที่ยวจากประเทศไทยเข้าไปท่องเที่ยวมาเลเซียปริมาณมากเช่นกัน ตั้งแต่ จ.ปัตตานี ยะลา  นราธิวาส สงขลา สตูล และ จังหวัดภาคใต้ตอนกลาง ตลอดจนนักท่องเที่ยวจากภาคอื่น ๆ ที่เข้ามาท่องเที่ยวยัง จ.สงขลา ก็ยังสามารถเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวยังประเทศมาเลเซียได้ด้วย

“และอาจจะเป็นไปได้ว่า นักท่องเที่ยวชาวไทยจะเดินทางไปท่องเที่ยวยังประเทศมาเลเซียมากกว่านักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย จะเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยด้วย” นายทรงชัย กล่าว

ทางด้าน ผศ.ดร.วิวัฒน์ จันทร์กิ่งทอง ผู้จัดการ ศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ รายงานผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม พบว่าในเดือนพฤษภาคม 2568 ปรับตัวลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับเมษายนและเดือนมีนาคม 2568

โดยบืรายงานตอนหนึ่งของ ผศ.ดร.วิวัฒน์ ระบุถึงสำหรับเศรษฐกิจโดยปัจจัยลบที่สำคัญคือการท่องเที่ยวไทยซบโดยนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะประเทศตลาดหลักจีนลดลงเป็นอย่างมาก  เหตุจากภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยเรื่องความปลอดภัยจากเหตุอาชญากรรมกับนักท่องเที่ยวจีน การแข่งขันการท่องเที่ยวจากประเทศในเอเชียที่มีการส่งเสริมการท่องเที่ยว ฯลฯ

นักท่องเที่ยวที่จีนหายไปโดยได้เดินทางไปในเอเชียแทน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เวียดนาม มาเลเซีย และสิงคโปร์ ทำไทยสูญเสียรายได้เป็นจำนวนมาก.