ฝนถล่มน้ำท่วมนาแกพื้นที่การเกษตรเสียหายแล้วกว่า 1.5 พันไร่


หลังจากที่ กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครพนม ได้ประกาศให้พื้นที่ในจังหวัดนครพนมเป็น เขตประสบสาธารณภัยกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) ภายหลังเกิดสถานการณ์น้ำหลาก และน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรของประชาชนในหลายพื้นที่เนื่องจากพายุโซนร้อนหวู่ติบ ที่ทวีกำลังแรงขึ้นบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ผนวกกับร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำ บริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน รวมถึงอิทธิพลจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ส่งผลให้พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่
โดยจากรายงานสถานการณ์ (ข้อมูล ณ วันที่ 7 กรกฎาคม 2568) พบว่า มีพื้นที่ได้รับผลกระทบใน 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอนาหว้า,นาแก,วังยาง,โพนสวรรค์,ศรีสงคราม และอำเภอเรณูนคร ครอบคลุม 17 ตำบล 111 หมู่บ้าน จำนวน 2,561 ครัวเรือนที่ประสบภัย ในเบื้องต้นมีพื้นที่การเกษตรเสียหายแล้วประมาณ 15,893 ไร่
นอกจากนี้ ยังคงต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ระดับน้ำแม่น้ำโขง ที่คาดว่ามีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ในช่วงวันที่ 6–12 ก.ค. 2568 ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อหลายจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ได้แก่ จังหวัดเลย,หนองคาย,บึงกาฬ,นครพนม,มุกดาหาร,อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ซึ่งมาจากอิทธิพลของฝนที่ตกสะสมในพื้นที่ตอนบนของประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว)
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย ติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด ทั้งทางแอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT” และหากได้รับความเดือดร้อน สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือผ่านสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
ล่าสุด วันที่ 9 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา นายปราชญา อุ่นเพชรวรากร ผู่ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบ และติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่บ้านสองคอน หมู่ 10 ต.พระซอง อ.นาแก และถนนริมห้วยบ่อแก หมู่ 5 ต.โพนทอง อ.เรณูนคร เพื่อหาแนวทางในการแก้ไข ปัญหาน้ำเอ่อล้นตลิ่ง
โดยเฉพาะพื้นที่ทางการเกษตร ที่ได้รับความเสียหาย โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครพนม สำนักงานเกษตรจังหวัดนครพนม ที่ทำการปกครอง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมลงพื้นที่ดังกล่าวอย่างแข็งขัน