น่าน จับชายชาวมาเลเซีย ลับลอบขนยาไอซ์ มูลค่าในต่างประเทศกว่า 90 ล้าน คาด่านศุลกากรห้วยโก๋น

น่าน จับชายชาวมาเลเซีย ลับลอบขนยาไอซ์ มูลค่าในต่างประเทศกว่า 90 ล้าน คาด่านศุลกากรห้วยโก๋น





Image
ad1

ที่จังหวัดน่าน 15 ก.ค.68 เวลา 13.30 น. มีการแถลงข่าวการจับกุมชาวต่างชาติ ลักลอบขนยาเสพติด (ยาไอซ์) น้ำหนักจำนวน 72 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 90 ล้านบาท  โดยนายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่  ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน พร้อมด้วย นายวาริส วิสารทานนท์ นายด่านศุลกากรทุ่งช้าง  พล.ต.ต.ดเรศ กัลยา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดน่าน   พ.อ. ปิยะพงษ์  พรดา ผบ.ฉก.ทพ.32   ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 325 ฝ่ายปกครองและฝ่ายความมั่นคง   ที่อาคารตำรวจภูธรจังหวัดน่าน

โดยการจับกุมดังกล่าว เกิดขึ้นในช่วงวันที่  เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2568 เวลา 17.30 น. เจ้าหน้าที่ศุลกากรทุ่งช้าง ประจำด่านตรวจ จุดผ่านแดนถาวรบ้านห้วยโก๋น ตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจ ทหาร ประจำจุดผ่านแดนถาวรบ้านห้วยโก๋น (ไทย-ลาว) ร่วมกันจับกุมตัว Mr.Surrenthiran Jayabalan สัญชาติ มาเลเซีย ขณะขนเมทแอมเฟตามิน (ยาไอซ์) น้ำหนักประมาณ 72 กิโลกรัม มาในรถยนต์ยี่ห้อ lexus หมายเลขทะเบียน WA 3313 Y ประเทศมาเลเซีย เข้ามายังราชอาณาจักรไทย บริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านห้วยโก๋น โดยรถคันดังกล่าวขับข้ามมาจาก สปป.ลาว เข้ามาในลักษณะมีควันดำปริมาณมากฟุ้งกระจายจนเป็นที่สังเกตุและน่าสงสัย เมื่อมาถึงด่านศุลกากรจุดผ่านแดนถาวรบ้านห้วยโก๋น Mr.Surrenthiran Jayabalan สัญชาติ มาเลเซีย ได้เดินลงจากรถมาขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ แจ้งว่ารถเสียเนื่องจากเติมน้ำมันจากปั๊มแห่งหนึ่งที่ เมืองเงิน สปป.ลาว มาผิด ทำให้รถดับสตาร์ทรถไม่ติด แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ขอกุญแจ Mr.Surrenthiran Jayabalan สัญชาติ มาเลเซีย กลับไม่ให้โดยอ้างว่ารถล็อค ต้องการรถสไลด์ เจ้าหน้าที่เห็นความผิดปกติจึงทำการควบคุมตัวและขอตรวจค้นภายในรถ เนื่องจากเจ้าหน้าที่สงสัยในพฤติกรรมและการเดินทางเข้า-ออก ราชอาณาจักรไทยของรถคันดังกล่าว ที่ไปกลับภายในวันเดียว มีความผิดปกติวิสัยของนักท่องเที่ยว

จากการตรวจค้นภายในห้องโดยสารพบถุงชาสีเขียวบรรจุอย่างดีถูกซุกซ่อนอยู่ใต้เบาะนั่ง  ตรวจสอบเบื้องต้น พบเป็นยาไอซ์ จึงทำการจับกุมตัว Mr.Surrenthiran Jayabalan สัญชาติ มาเลเซีย และตรวจค้นรถโดยละเอียด พบว่ามียาไอซ์ซุกซ่อนอยู่บริเวณช่องใส่ล้ออะไหล่และใต้เบาะหลัง จึงทำการตรวจยึดและตรวจนับ พบว่ามีจำนวน 72 ถุง นำหนัก 72 กิโลกรัม มูลค่าหากผ่านไปยังประเทศที่ 3 กว่า 90 ล้านบาท

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลว่า ขบวนการดังกล่าวปรากฎความผิดปกติตั้งแต่ เจ้าหน้าจำรถคันดังกล่าวว่าเป็นรถเช่าจากประเทศมาเลเซีย เข้าออกจุดผ่านแดนถาวรบ้านห้วยโก๋นมาแล้ว 2 ครั้ง โดยก่อนหน้านี้ รถคันนี้จะออกจากด่านผ่านแดนเพียง 1 วันแล้วก็กลับเข้ามาเป็นอย่างนี้ตั้งแต่เดือน เมษายน  พฤษภาคม  มิถุนายน แต่คนขับจะไม่ใช่คนเดิม จนมาครั้งนี้ที่รถยนต์ของผู้ต้องหาเสีย จากการที่ปั๊มน้ำมันจากฝั่งประเทศลาว เติมน้ำมันรถยนต์ให้ผิดประเภท และรถได้มาเสียบริเวณด่านฯ เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจค้น

จากการสอบสวนทราบว่า รถคันดังกล่าวมาจากประเทศมาเลเซียเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทยเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2568 ที่จุดผ่านแดนถาวรสะเดา จังหวัดสงขลา และเดินทางมาออกราชอาณาจักรไทยไปยัง สปป.ลาว ที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านห้วยโก๋น จังหวัดน่าน ไปยังเมืองเงิน สปป.ลาว เมื่อช่วงเช้า ของวันที่ 13 กรกฎาคม 2568 พร้อมกลุ่มขบวนการที่มาด้วยกัน เป็นชายชาวมาเลเซียอีก 1 คน และหญิงสาวชาวไทยอีก 1 คน โดย Mr.Surrenthiran Jayabalan สัญชาติ มาเลเซีย ขับรถคันที่ถูกจับกุมดังกล่าว ส่วน ชายชาวมาเลและหญิงสาวชาวไทย ได้ใช้รถอีก 1 คัน

ทั้งนี้ หลัง Mr.Surrenthiran Jayabalan สัญชาติ มาเลเซีย ถูกจับกุม ยังไม่พบข้อมูลว่า ชายชาวมาเล และหญิงสาวชาวไทย ที่เดินทางออกไปพร้อมกัน กลับเข้ามายังราชอาณาจักรไทย  จากข้อมูลพบว่า ปัจจุบัน ขบวนการลำเลียงยาเสพติดข้ามชาติ ได้เริ่มเปลี่ยนเส้นทางลำเลียงและขนยาเสพติดข้ามชาติ จากเมื่อก่อนผ่านมาทางแนวชายแดนด้านจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย เปลี่ยนเส้นทางลำเลียงเข้ามาในประเทศไทยผ่าน จังหวัดน่าน และจังหวัดเลย ดังจะเห็นจากการนำเสนอข่าวที่ผ่านมา เนื่องจากแนวชายแดนจังหวัดเชียงใหม่-เชียงราย มีการเข้มงวดตรวจตราอย่างเข้มข้น รวมทั้งมีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการสกัดกั้นติดตามจับกุม แต่เส้นทางจังหวัดน่านและจังหวัดเลย ซึ่งใกล้กับแม่น้ำโขง ยังขาดทั้งอุปกรณ์ทางเทคโนโลยี รวมทั้งกำลังพลและอุปกรณ์ ในการสกัดกั้นขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้ามายังประเทศไทย เพื่อส่งไปยังปลายทาง ประเทศที่ 3

โดย นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน กล่าวว่า สำหรับการจับกุมในครั้งนี้ ถือว่าเป็นครั้งแรกที่มีการจับกุมชาวต่างชาติ ลักลอบนำยาเสพติดข้ามแดนเข้ามา อาจเป็นเพราะว่าทางชายแดนตอนเหนือของภาค มีการเข้มงวดในการสกัดกั้นการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้ามาในประเทศ และในการจับกุมในครั้งนี้เหมือนการส่งสัญญาณเตือนว่ามีการใช้จังหวัดน่านเป็นเส้นทางลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้ามา เพื่อส่งต่อไปยังประเทศที่ 3 ทางจังหวัดน่าน จะได้มีการปรับแผนรับมือ เพื่อป้องปรามกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้ามาในประเทศ ต่อไป

ระรินธร  เพ็ชรเจริญ รายงาน