"ธนกฤต" พา 2 นักธุรกิจร้องทุกข์ "บิ๊กเต่า"เอาผิดคนอ้างคนสนิทมท.1ตุ๋นลงทุนสูญ7ล.


"ธนกฤต" พา 2 นักธุรกิจรับเหมาร้องทุกข์ปปป. ให้ตรวจสอบคนอ้างตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญประจำตัวอดีตรัฐมนตรีมหาดไทย หลอกลงทุนโครงการรัฐสูญเงิน 7 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 22 ก.ค 68 ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) นายกองตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข พร้อมดร.พิมไหมทอง ศักดิพัตโภคิน หัวหน้าพรรคพร้อม พานางสาวทิพยาภรณ์ อายุ 45 ปี และนายณภัทรพล อายุ 43 ปี 2 สามี-ภรรยานักธุรกิจรับเหมาเข้าร้องทุกข์กับพล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเพื่อเอาผิด 2 สามีภรรยาอ้างตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญประจำตัวของอดีตรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยหลอกลวงเงินเพื่อรับงานโครงการพันล้าน และหลอกลวงอีกหลายกรณี ความเสียหายราว 7 ล้านบาท โดยใช้เวลาในการพูดคุยรับเรื่อง 1 ชั่วโมง 30 นาที
นายกองตรี ธนกฤต เปิดเผยว่า ทางพรรคพร้อมได้พาผู้เสียหายเข้ามาพบตน ตนจึงพา 2 ผู้เสียหาย มาร้องทุกข์กับทางบก.ปปป. เพื่อขอให้ตรวจสอบกรณีนี้เนื่องจากมีการแอบอ้างเรื่องต่างๆ ทั้งอ้างตังเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง ผู้เชี่ยวชาญประจำตัวอดีตรัฐมนตรีมหาดไทย แอบอ้างเรื่องค่าใช้จ่ายในการดูแลเรื่องโครงการของรัฐหลายโครงการ (โครงการ 3 จังหวัดชายแดนใต้ และอีก 2 โครงการเป็นของกระทรวงมหาด) และเรื่องของซองประมูลโครงการต่างๆ รวมถึงของการซื้อรถให้กับผู้ใหญ่ที่อ้างว่าเป็นอดีตรัฐมนตรีที่ต้องใช้รถในการลงพื้นที่ ซึ่งเป็นรถ BMW มือสองมูลค่า 1,668,000 พร้อมเงินสด 200,000 บาท
นอกจากนี้ มีการไปพบนายพลทหารท่านหนึ่ง ยศพลโท ซึ่งต้องมีการตรวจสอบว่าเป็นพลโทในราชการหรือนอกราชการหรือเป็นพลโทจริงหรือไม่ รวมยังมีเรื่องของการแจ้งให้เป็นคณะกรรมาธิการรัฐสภารวมถึงยังมีเรื่องของการซื้อวุฒิการศึกษาให้จ่ายเป็นงวด รวมถึงการใช้เอกสารของทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นการทำบัตรที่แสดงตัวให้เห็นว่าเป็นเจ้าหน้าที่ทำงานอยู่ในสังกัดกระทรวงมหาดไทย รวมถึงเรื่องของเครื่องราชย์ ทั้งยังมีการใช้สัญลักษณ์ประทับตราของกระทรวงมหาดไทยในการประทับตราต่างๆ จึงมีการตั้งข้อสังเกตว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่ทางตน จึงได้พาผู้เสียหายเข้ามาพบกับตำรวจ เพื่อให้ตรวจสอบว่าบุคคลที่แอบอ้างนั้นมีตัวตนและเป็นผู้เชี่ยวชาญประจำตัวรัฐมนตรีจริงหรือไม่ และจะเข้าองค์ประกอบความผิดอะไรบ้าง
ด้านพล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่า เบื้องต้นจากการพูดคุยกับผู้เสียหาย พบว่าเข้าข่ายการกระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกง ที่มีความต่างกรรมต่างวาระส่วนการตรวจ สอบการทุจริตเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่รัฐมีอยู่หนึ่งโครงการที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างซึ่งจะต้องลงไปตรวจสอบว่ามีโครงการดังกล่าวจริงหรือไม่ และมีเจ้าหน้าที่ ของรัฐเรียกรับผลประโยชน์หรือไม่/นอกจากนี้ยังให้กองบังคับการปราบปรามเข้ามาดูเรื่องของการฉ้อโกงเนื่องจากว่ามีการกระทำความผิดหลายพื้นที่หลายครั้ง
ด้านพ.ต.อ. เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม เปิดเผยว่า จากพยานหลักฐานที่พบว่าผู้ต้องหามีพฤติการณ์หลอกลวงผู้เสียหายหลายครั้งเบื้องต้นตำรวจจะตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องกับการเรียกรับสินบนหรือฟอกเงินหรือไม่ ซึ่งหากเป็นเรื่องอุปโลกน์ขึ้นมาลอยๆ จะเป็นเรื่องฉ้อโกง