เมื่อศพไม่ถูกฝัง...เชื้อโรคระบาดหนัก ทหารเขมรล้มป่วยเพียบ

เมื่อศพไม่ถูกฝัง...เชื้อโรคระบาดหนัก ทหารเขมรล้มป่วยเพียบ





Image
ad1

กลางดอยชายแดนที่สูงชันและชื้นแฉะ ศพของทหารกัมพูชายังคงนอนแน่นิ่งอยู่ใต้ต้นไม้และโขดหิน
ไม่มีใครเก็บ ไม่มีใครฝัง และไม่มีใครรับผิดชอบ
แต่สิ่งที่เริ่มเกิดขึ้นแล้ว คือ กลุ่มอาการป่วยของทหารกัมพูชาเองจำนวนมาก — มีไข้ หนาวสั่น อาเจียน ปวดหัว บางรายมีอาการท้องเสียและกระหายน้ำ

ล่าสุดแพทย์ทหารของฝั่งกัมพูชาเองระบุว่า เป็น ไข้มาลาเรีย
แม้ยังไม่สามารถฟันธงได้ว่าโรคนี้มาจากซากศพหรือปัจจัยใดโดยตรง

แต่ที่แน่ชัดคือ สภาพแวดล้อมของสนามรบบนภูเขาซึ่งไม่มีการจัดการศพนั้น กลายเป็น “เงื่อนไข” ให้เชื้อโรคแพร่กระจายได้ง่ายขึ้น

ของเหลวจากร่างที่เน่าเปื่อยซึมลงในดิน ใกล้ลำห้วยต้นน้ำ
กลายเป็นปัญหาด้านอนามัยที่กำลังจะกลืนกินทั้งกัมพูชาและไทยไปพร้อมกัน — เพราะโรคเหล่านี้... ไม่เลือกฝ่าย

สิ่งที่น่าตั้งคำถามไม่ใช่แค่ว่า "ทำไมไม่จัดการศพ?"
แต่คือ กัมพูชาคิดอะไรอยู่ในความเงียบนี้
มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่าการไม่เก็บศพ การปล่อยให้โรคแพร่กระจาย
คือการหวังใช้ “โรค” เป็นด่านกั้นประเทศไทยในเชิงพื้นที่ระยะยาว?
แน่นอนว่าเรายังไม่มีหลักฐานชัดเจนพอจะยืนยันว่าเป็นแผนเจตนา
แต่ความเพิกเฉยแบบเป็นระบบ และไม่แสดงความรับผิดชอบใด ๆ ต่อผลกระทบที่เกิดขึ้น — มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญอีกต่อไป

เพราะในประวัติศาสตร์มนุษย์ การใช้ศพเป็นเครื่องมือทางสงครามไม่ใช่เรื่องใหม่
ในศตวรรษที่ 14 กองทัพมองโกลเคยโยนศพผู้ป่วยกาฬโรคเข้าเมืองคัฟฟา เพื่อหวังให้เกิดโรคระบาดภายใน
ขณะที่กองทัพยุโรปยุคกลางบางชาติ เคยปล่อยซากสัตว์และมนุษย์ลงแม่น้ำของฝ่ายตรงข้าม เพื่อปนเปื้อนน้ำกินของศัตรู
เราไม่อยากเชื่อว่าในปี 2025 กัมพูชาจะเลือกวิธีคิดแบบนี้
แต่เมื่อศพยังคงเน่าอยู่บนน้ำต้นภูเขา และทหารเริ่มล้มป่วยจากเชื้อที่ไม่แน่ใจว่าแพร่ทางไหน —
บางทีสิ่งที่ไทยควรระวัง... อาจไม่ใช่แค่ปืนจากศัตรู แต่คือ ความตายที่ค่อย ๆ ซึมมากับน้ำ