“ป้าสุวรรณ” เศรษฐินี "กระเจียวหวาน"ลงทุนครั้งเดียวเก็บเงินแสนได้ 10 ปี


จากผืนดินที่เคยปลูกมันสำปะหลังซึ่งต้องเผชิญกับราคาที่เอาแน่เอานอนไม่ได้มายาวนานหลายสิบปี วันนี้ นางสุวรรณ พลอยกระโทก วัย 65 ปี ชาวบ้านหินลับ ต.บ้านใหม่ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ได้พบคำตอบของเกษตรกรยุคใหม่ จึงตัดสินใจรื้อไร่มันสำปะหลังเปลี่ยนมาปลูกพืชเศรษฐกิจชนิดใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมอย่าง “กระเจียวหวาน” สายพันธุ์เพชรน้ำผึ้ง เพื่อส่งขายตลาดซึ่งมีการรับซื้อในราคาที่สูงกว่า คุ้มค่ากับการลงทุน ราคาไม่ผันผวน
นางสุวรรณ เล่าว่า ก่อนหน้านี้ตนเองใช้ที่ดินที่มีอยู่ประมาณ 4 ไร่เศษปลูกมันสำปะหลังมานานหลายสิบปีตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ แต่ก็ไม่เคยประสบความสำเร็จ บางปีราคาตกต่ำถึงขั้นขาดทุนย่อยยับ จึงคิดที่จะหาพืชเกษตรอย่างอื่นมาทดแทน ไม่ว่าจะเป็นฟัก แฟง แตงกวา ก็ลองมาหมดแล้ว แต่สุดท้ายก็มาหยุดอยู่ที่ “กระเจียวหวาน” เพราะเป็นพืชที่ลงทุนเพาะปลูกเพียงครั้งเดียวก็อยู่ได้นานเป็นสิบปี ไม่ต้องลงทุนใหม่ซ้ำซาก
อีกทั้งการดูแลก็ไม่ยาก เพียงแค่ต้องให้น้ำให้ปุ๋ยตามความเหมาะสม หมั่นกำจัดวัชพืชเพื่อไม่ให้แปลงปลูกรกจนเกินไป ส่วนปัญหาเรื่องโรคแมลงก็มีน้อยเพราะกระเจียวเป็นพืชที่มีกลิ่นฉุนในตัว ทำให้แมลงศัตรูพืชไม่ค่อยมารบกวน
ตนเริ่มทดลองปลูกมาเมื่อ 6 ปีก่อน ตอนนั้นได้ซื้อหัวกระเจียวจากจังหวัดมาทดลองปลูกก่อนประมาณ 1 งาน ในราคา 6,000 บาท ต่อมาเมื่อครบรอบเกือบ 1 ปี ก็เริ่มเก็บผลผลิตส่งขายได้เงินมากว่า 30,000 บาท ซึ่งตอนนั้นต้องเก็บผลผลิตขึ้นรถหอบไปส่งขายที่ตลาดผักในตัวเมืองนครราชสีมา แต่ผ่านมาถึงทุกวันนี้ตัวเองขยายพื้นที่เพาะปลูกมาเป็นการปลูกกระเจียวหวานทั้งแปลง 4 ไร่ ตอนนี้มีพ่อค้ามารับซื้อถึงสวนไม่ต้องลงทุนค่ารถค่าน้ำมันอีกแล้ว
“สำหรับราคาขายกิโลกรัมละ 60 บาทหากเป็นดอกตูม ส่วนดอกบานจะอยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 30–40 บาท อีกทั้งหัวกระเจียวสามารถจะแยกไปทำพันธุ์ขายต่อให้กับผู้ที่สนใจได้อีกในราคากิโลกรัมละ 100 บาท ทำให้ตอนนี้ไม่มีความคิดที่จะหันกลับไปปลูกมันสำปะหลังที่มีราคาผันผวนไม่แน่นอนอีกต่อไป”
กระเจียวหวานนั้น แต่ละปีจะสามารถเก็บเกี่ยวได้ในช่วงก่อนจนถึงสิ้นสุดฤดูฝน เริ่มตั้งแต่เดือนเมษายนไปจนถึงปลายเดือนกันยายน ระยะเวลาการเก็บจะห่างกัน 2–3 วันครั้ง เก็บขายได้ตั้งแต่หลักร้อยถึงหลักพันต่อรอบ สูงสุดเคยได้รอบละกว่า 6,000 บาท ซึ่งแต่ละปีจะได้เงินจากการเก็บดอกกระเจียวขายปีละประมาณ 140,000 บาทเลยทีเดียว
ซึ่งถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่ลงทุนครั้งเดียวอยู่ได้ระยะยาว ดูแลง่าย สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำจนตอนนี้ไม่คิดที่จะเปลี่ยนไปปลูกพืชชนิดอื่นแล้ว