ผลผลิตฤดู 68 “ลองกองใต้ เจอ “ฝนไม่ทิ้งช่วง” ผลิตฮวบ 83 %

ผลผลิตฤดู 68 “ลองกองใต้ เจอ “ฝนไม่ทิ้งช่วง” ผลิตฮวบ 83 %





Image
ad1

ผลผลิตฤดู 68 “ลองกองใต้ เจอ “ฝนไม่ทิ้งช่วง” ผลิตฮวบ 83 % ส่วน “ลองกองตันหยงมัส” เมืองนราธิวาส  เบอร์ 1 GI ราคาพุ่ง 100 – 150 บาท /  กก. ก็ไม่มีผลผลิต

นายเขียว ขวัญดำ เจ้าของสวนผสมผสานหมู่ 4 บ้านมาบ เขตเทศบาลตำบลควนเสาธง อ.ตะโหมด จ.พัทลุง เปิดเผยว่า ผลไม้ลองกองในฤดูปี 2568  ไม่มีผลผลิต เพราะจากที่ฝนตกชุก และภาพรวม ๆ ไม่ปรากฎว่าไม่มีผลผลิตเช่นกันในพื้นที่ใกล้เคียงเช่นกัน 

เขายังกล่าวว่า ได้ปลูกลองกองประมาณ 50 ต้น  และในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา มีราคา 8 บาท / กก. ประภทเป็นพวงช่องาม ส่วนราคาลูกร่วงรวมประมาณ 2 บาท / กก. 

“ลองกองจาก 50 ต้น ตอนเหลือประมาณ 10 ต้น ส่วนหนึ่งโค่นออกส่วนหนึ่งยืนต้นตาย” 

เจ้าของสวนลองกองตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เปิดเผยว่า ลองกองตันหยงมัสฤดู 2568  ไม่มีผลผลิตสำหรับในพื้นที่ เพราะจากที่ฝนตกชุกไม่ทิ้งช่วงดอกลองกองต้องร่วงหล่น และยังไม่ได้กระทบแล้งที่จะออกดอกออกผลผลิต

ส่งผลให้ลองกองตันหยงมัสในฤดูนี้ไม่มีวางในตลาด ซึ่งปกติจะจะเก็บเกี่ยวออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนกรกฎาคม และเดือนสิงหาคมจะออกผลผลิตปริมาณมาก และไปสิ้นสุดเดือนกันยายน  

 “ลองกองตันหยงมัส เป็นสายพันธุ์ซีโปร์ จะได้รับการตอบรับจากตลาดเป็นอย่างมากทั้งภายในและภายนอก  โดยราคาไซซ์ A  100 บาท และกว่า 100 บาท / กก. และไซซ์ลูกรวมที่ไม่ได้คัด ราคา 40 บาท และ 50 บาท / กก.”

เจ้าของสวนลองกอง ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ลองกองตันหยงมัสจะให้ผลผลิตประมาณ 50 – 60 กก. / ต้น / ปี หากเป็นไซซ์ลูกรวมราคาประมาณ 2,500 บาท  และเป็นไซซ์ A จะได้ประมาณ 5,000 บาท / ต้น ถ้าปลูกเป็นพืชเชิงเดี่ยว ได้ประมาณ 60 ต้น / ไร่ เมื่อคิดภาพรวม / ไร่ จะเป็นเงินมูลค่าจำนวนมาก / ไร่ / ปี

“ลองกองตันหยงมัสปลูกสายพันธุ์ซีโปร์ โดยได้ขึ้นทะเบียนเป็นลองกอง GI” เจ้าของสวนลองกอง กล่าว

รายงานข่าวจากสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จ.สงขลา ดูแลพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ เปิดเผยว่า สถานการณ์กผลไม้ลองกองฤดูปี 2568 มีเนื้อที่ยืนต้นและให้ผลผลิตประมาณ 94,00 ไร่ ซึ่งได้ลดลงจากปีที่ผ่านมาไปถึงร้อยละ 7.34 ลดลงร้อยละ 7.33  ปกติจะให้และจะผลผลิตกว่า 11,000 ตัน  ลดลงร้อยละ 49.10 ผลผลิตต่อไร่ 123 กิโลกรัม /ไร่ / ปี

และลองกองยังได้ลดลงอย่างต่อเนื่องถึงร้อยละ 45.09  เหตุผลเพราะราคาที่ตกต่ำอย่างต่อเนื่องส่งผลให้เกษตรกรได้มีการทยอยโค่นออกตลอดมาทุกปี โดยหันมาดูมาดูแลรักษาพืชหลัก เช่น ทุเรียนที่ได้ให้ผลตอบแทนดีกว่า

สำหรับลองกองในฤดู 2568  ที่จากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยเพราะมีช่วงระยะแล้งไม่เพียงพอก่อนออกดอก ด้วยมีฝนตกตลอดมาตั้งแต่ต้นปี ส่งผลให้ลองออกดอกน้อย และปกติลองกองภาคใต้ จะมีผลผลิตในเดือนมิถุนายนถึงเดือนพฤศจิกายน 2568 โดยผลผลิตออกมากที่สุดในเดือนตุลาคม 2568

“แต่ลองกองภาคใต้จากที่สภาพภูมิอากาศที่ผันแปรมีฝนตกตกชุกขณะที่กำลังดอกบานและกำลังออกดอก จึงได้ส่งผลกระทบให้เกิดร่วงหล่นได้ส่งผลกระทบต่อผลผลิตจึงได้หดหายไปถึง 83 %  เหลือประมาณ 3,800 กว่าตัน / ปี จากที่มีกว่า 10,000 ตัน” 
ในส่วนลองกองตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ซึ่งมีชื่อเสียงอันดับต้นและได้รับความนิยมของไทย ซึ่งปกติจะมีผลผลิตประมาณ 6,000 ตัน / ปี แต่ฤดู 2568 ไม่ได้มีผลผลิตเช่นกัน 

“สำหรับลองกองตันหยงมัสที่ผ่านมามีราคาไซซ์ AB 150 บาท และ 100 บาท / กก. แต่ปีนี้ราคาไม่มีเพราะไม่มีผลิต ส่วนราคาลองกองทั่ว ๆ เช่น  จ.สตูล บางจุดประมาณ 30 บาท / กก.”  

นายสุพิท จิตรภักดี อดีตผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 5  กล่าวว่า ลองกองประมาณปี 2530  จะปลูกมาก แต่พอมาระยะหลังได้ทยอยโค่นออกโดยมีมูลเหตุจากราคาไม่ได้จูงใจ จึงได้ปลูกยาง ปาล์มน้ำมัน และระยะหลังทุเรียนโดยเฉพาะระยะ 4-5 ปีต่างหันมาปลูกทุเรียนกันเพิ่มขึ้น

“ลองกองมีราคาในระยะที่ผ่านมาไม่ดี ประกอบกับลองกองจะต้องดูแลที่ดี ตัดแต่งใบ แต่งช่อ กิ่ง ใส่ปุ๋ย และต้องมีสภาพภูมิอากาศเอื้ออำนวยจะต้องแล้ง 2 เดือน ถึงจะมีการออกดอกจะให้ผลผลิตที่ดีและปริมาณมาก”

นายสุพิท กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนลองกองตันหยงมัส ที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมอันดับต้น ๆ ของไทยจะทำเป็นแปลงใหญ่  มีการรักษาดูแลที่ดีเพราะมีการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และยังเป็นการอนุรักษ์ จึงได้คุณภาพราคาจึงไปได้ดี และลองตันหยงมัส ที่ผ่านมามีการขยายผลนำไปปลูกทั้งภาคใต้ตอนบนตอนล่างและฝั่งอันดามัน 

นายจิระวัฒน์ นาวัง ผู้จัดการ บริษัท เอกภัคเกษตรไทย จำกัด บริษัทส่งเสริมพืชเศรษฐกิจการเกษตร เปิดเผยว่า ลองกองเป็นพืชที่สามารถปลูกผสมผสานร่วมยาง ทุเรียน และพื้นที่เหมาะสมแนวริมเทือกเขา เช่น จ.พัทลุง จ.ตรัง จ.นครศรีธรรมราช และเทือกเขา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัตตานี ยะลา และ จ.นราธิวาส แต่ที่ผ่ามามีการปลูกไว้ปริมาณมาก แต่ต่อมาประเด็นเรื่องราคาไม่จูงใจ จึงมีการโค่นทิ้ง คงเหลือไว้ที่เป็นแหล่งใหญ่ จ.นราธิวาส และมีการดูแลรักษาปรับปรุงตกแต่งบำรุงอย่างถูกวิธีการลองกองอย่างมีคุณภาพ ประสิทธิภาพ จึงได้ราคา

“3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มืออาชีพเรื่องพืชเกษตร และเป็นมืออาชีพเรื่องการตลาดด้วยลองกองจึงมีคุณภาพและได้ราคาที่ดี หากมาศึกษาในแต่ละปีเป็นหลักหลายร้อยล้านที่ได้จากผลผลิตลองกอง”.

จากการสำรวจของผู้สื่อข่าว รายงานว่า ต้นลองกอง ยังคงมีอยู่ประเภทรายละต้น 2 3 ต้น ประจำสวนผลไม้ บริเวณริมบ้าน เพื่อปลูกไว้บริโภคเอง และเป็นของฝาก.