สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาฯ ผนึกบพข.นำเสนอข้อค้นพบ “สงกรานต์ New Narrative” ยกระดับเทศกาลไทยสู่เทศกาลโลกเพื่อการขับเคลื่อน Soft Power

สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาฯ ผนึกบพข.นำเสนอข้อค้นพบ “สงกรานต์ New Narrative” ยกระดับเทศกาลไทยสู่เทศกาลโลกเพื่อการขับเคลื่อน Soft Power





Image
ad1

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยสถาบันเอเชียศึกษา จุฬาฯ ร่วมกับ บพข. จัดเสวนาเผยแพร่ผลผลิตโครงการวิจัย “การพัฒนาและขับเคลื่อนเทศกาลสงกรานต์ไทยไปสู่เทศกาลระดับโลกเพื่อส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทย” ในวันพุธที่ 10 กันยายน 2568 เวลา 09.30 – 12.00 น. ณ Chula Social Innovation Hub อาคารวิศิษฐ์ ประจวบเหมาะ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

รองศาสตราจารย์ ดร.ภาวิกา ศรีรัตนบัลล์ หัวหน้าโครงการวิจัย และผู้อำนวยการสถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับนักวิจัยคณะศิลปกรรมศาสตร์ คณะนิเทศศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี สถาบันไทยศึกษา และสถาบันวิจัยสังคม ได้รับทุนสนับสนุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) ให้ดำเนินโครงการ “การพัฒนาและขับเคลื่อนเทศกาลสงกรานต์ไทยไปสู่เทศกาลระดับโลกเพื่อส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทย” ระหว่าง กันยายน 2567-ตุลาคม 2568

คณะนักวิจัยได้จัดเสวนาเผยแพร่ผลงานวิจัยที่นำเสนอการเล่าเรื่องสงกรานต์ในมุมมองใหม่ที่น้อยคนจะรู้จัก“Songkran New Narrative” เพื่อสร้างภาพลักษณ์ใหม่ของเทศกาลสงกรานต์ในฐานะเทศกาลวัฒนธรรมร่วมแห่งเอเชีย เชื่อมโยงคุณค่า ความศรัทธา และความร่วมสมัย เข้ากับกระบวนการออกแบบเชิงสร้างสรรค์ (Design Thinking) อันประกอบด้วย 3 มิติหลักคือ ความรู้ (Knowledge), ความจริงแท้ (Authenticity) และความยั่งยืน (Sustainability)

การศึกษาครั้งนี้ได้ใช้กระบวนการสร้างสรรค์เรื่องเล่าชุดใหม่ที่แตกต่างจากกรอบมุมมองเดิมและชี้ให้เห็นว่าเทศกาลสงกรานต์ไม่ได้เป็นเพียงงานรื่นเริงที่ผู้คนจดจำกันเท่านั้น แต่ยังมีมิติที่ลึกซึ้งเกี่ยวข้องกับเวลา จักรวาลวิถี และมรดกทางวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงกับมิตรประเทศในเอเชีย

หนึ่งในกระบวนการสำคัญของงานวิจัยคือการ ถอดรหัสสัญลักษณ์ (Decode Symbols) จากพิธีกรรมและความเชื่อดั้งเดิม ไม่ว่าจะเป็นความบริสุทธิ์ ขันน้ำ เจดีย์ทราย ดอกไม้ นาคหรือสัตว์มงคลต่างๆ สัญลักษณ์เหล่านี้ถูกนำมาตีความใหม่และใช้เป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ ทั้งในเชิงสินค้าเชิงสร้างสรรค์ (Creative Products) เช่น เสื้อผ้าแฟชั่น น้ำหอม ของที่ระลึก ปืนฉีดน้ำน้องนาค และในเชิงการออกแบบนิทรรศการ (Exhibition Design) ที่ประกอบด้วย Virtual Exhibition แอนิเมชัน “Songkran Stories” และวิดีโอ “100 Years of Songkran Beauty”

จากจุดตั้งต้นดังกล่าว งานวิจัยยังได้ขยายมิติการมองสงกรานต์จากประเพณีท้องถิ่นไปสู่การเป็นเส้นทางวัฒนธรรมรากร่วม Shared Cultural Routes ที่เชื่อมโยงไทยกับประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แนวคิดนี้มุ่งหวังที่จะผลักดันให้สงกรานต์ก้าวขึ้นเป็น Global Festival ผ่านการสื่อสารสาธารณะและการสร้างระบบนิเวศเทศกาล (Festival Ecosystem) ที่เอื้อต่อการแลกเปลี่ยนในระดับสากล

รวมถึงการเชื่อมโยงบทบาทจากกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder Engagement) เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และชุมชน ทำให้เทศกาลสงกรานต์สามารถดำรงอยู่และเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป

งานวิจัยนี้ จึงไม่ใช่การเล่าเรื่องเก่าเกี่ยวกับสงกรานต์ แต่ได้สร้างมุมมองใหม่ “Songkran New Narrative” ที่ไม่เพียงสะท้อนมิติทางศาสนา ครอบครัว และชุมชนแบบดั้งเดิม แต่ยังตีความใหม่ในเชิงซอฟต์พาวเวอร์ ผ่านสื่อวัฒนธรรมดิจิทัล และการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ เพื่อให้สงกรานต์ก้าวสู่เทศกาลที่มีทั้งความร่วมรากในเอเชียและศักยภาพสู่การเป็นเทศกาลระดับโลก