ททท. บุก "เจแปน เอ็กซ์โป" โชว์พลังเสน่ห์ไทยมัดใจนักท่องเที่ยวแดนอาทิตย์อุทัย

ททท. บุก "เจแปน เอ็กซ์โป" โชว์พลังเสน่ห์ไทยมัดใจนักท่องเที่ยวแดนอาทิตย์อุทัย





Image
ad1

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โชว์ศักยภาพการท่องเที่ยวไทยในงาน Tourism Expo Japan 2025 (TEJ 2025) ระหว่างวันที่ 25–28 กันยายน 2568 ณ Aichi Sky Expo เมืองนาโกย่า ประเทศญี่ปุ่น โดยพิธีเปิดคูหาประเทศไทยในวันที่ 25 กันยายน 2568 ได้รับเกียรติจากนางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท. เป็นประธานฯ พร้อมด้วยนายชูวิทย์ ศิริเวชกุล ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก ททท. เข้าร่วมงาน โดย TEJ 2025 มีบทบาทสำคัญต่อการเสริมสร้างภาพลักษณ์ประเทศไทยในตลาดญี่ปุ่น

ซึ่งถือเป็นตลาดคุณภาพสูง และมีกำลังซื้อ พาสัมผัสประสบการณ์เที่ยวไทยด้วยแนวคิด “Journey through the 5 Must Do in Thailand” พร้อมนำเสนอเสน่ห์ Soft Power ผ่านประสบการณ์เชิงวัฒนธรรม สุขภาพ และการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ หวังสร้างการรับรู้เชิงบวก กระตุ้นการเดินทางซ้ำ สร้าง Brand Loyalty และขยายฐาน Gen Z, Active Senior, Digital Nomads และ Oshi-katsu รวมทั้งตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ตลาดยังเติบโตต่อเนื่อง นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเที่ยวไทยแล้ว 7.67 แสนคน ททท. จึงเดินหน้าเพิ่มแรงส่งผ่านแคมเปญการตลาด เพื่อผลักดันเป้าหมาย 1.25 ล้านคน สร้างรายได้ 48,880 ล้านบาท ภายในสิ้นปี 2568

นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท. กล่าวว่า การเข้าร่วมงาน Tourism Expo Japan 2025 (TEJ 2025) ในวันที่ 25-28 กันยายน 2568 ณ Aichi Sky Expo เมืองนาโกย่า ประเทศญี่ปุ่น มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเสริมสร้างภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยในตลาดญี่ปุ่น เนื่องจากงาน TEJ ถือเป็นหนึ่งในงานส่งเสริมการขายการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นและจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยได้รับการสนับสนุนจาก 3 หน่วยงานหลัก ได้แก่ Japan Travel and Tourism Association (JTTA), Japan Association of Travel Agents (JATA) และ Japan National Tourism Organization (JNTO)

สำหรับปีนี้ ททท. ได้ปรับกลยุทธ์การนำเสนอให้แตกต่างจากปีก่อน ๆ โดยมุ่งเน้นไปที่การประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้เชิงบวกต่อประเทศไทย ผ่านแนวคิด “Journey through the 5 Must Do in Thailand” ควบคู่กับนำเสนอ Soft Power ของไทย เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม สุขภาพ และประสบการณ์ สร้างกลุ่ม Brand Loyalty เพิ่มวันพักเฉลี่ย และกระจายรายได้สู่พื้นที่ต่าง ๆ อย่างยั่งยืน พร้อมปักธงขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังนักท่องเที่ยวคุณภาพกระตุ้น การเดินทางในกลุ่มนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นตลาดคุณภาพสูง มีกำลังซื้อ และแสวงหาการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ โดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงาน ผู้เกษียณ และกลุ่มครอบครัว ซึ่งเป็น Segment หลักให้เดินทางกลับมาท่องเที่ยวประเทศไทยซ้ำอย่างต่อเนื่อง

ททท. จัดพื้นที่คูหาประเทศไทยขนาด 90 ตารางเมตร เพื่อเป็นเวทีในการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวและศิลปวัฒนธรรมไทยในรูปแบบที่ทันสมัย สร้างประสบการณ์ Interactive Experience และเปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานทั้งจากภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปชาวญี่ปุ่นได้สัมผัสอัตลักษณ์ความเป็นไทยอย่างใกล้ชิดผ่านกิจกรรมภายใต้แนวคิด “Journey through the 5 Must Do in Thailand” เพื่อส่งมอบประสบการณ์ตรงและสร้างกระแส “Instagrammable” ด้วยบรรยากาศอบอุ่นกับการตกแต่งด้วยสีสันสดใสผสมผสานเสน่ห์ของดีไซน์ร่วมสมัย พร้อมนำเสนอสินค้าและบริการสร้างสรรค์ที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน อาทิ ZIRA SPA นวดฟ้อน, มาลัยดอกไม้, เข็มกลัดจากดินปั้น, เทียนหอม และ DIY Workshop เช่น การสร้างสรรค์กลิ่นหอมโดย หอมปรุงบายใบห่อ เติมเต็มความสนุกสนานด้วยการแสดงเชิงวัฒนธรรมตลอดระยะเวลาการจัดงาน ผู้เข้าชมจะได้ตื่นตากับการแสดง มวยไทย หนึ่งในซอฟต์พาวเวอร์มรดกทางวัฒนธรรมที่ครองใจนักท่องเที่ยวทั่วโลก

และการแสดงพื้นบ้านที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น เชิดหุ่นคน, พรานบุญจับนางกินรี, เมขลา-รามสูร, อีสานลำเพลิน, ทักษิณาวัฒนธรรมแดนใต้, นาฎลีลาศรีนครพิงค์ นอกจากนี้ยังมี กิจกรรมเกม Interactive บนจอทัชสกรีน พาผู้เล่นท่องไปในโลกของความเป็นไทยผ่านการจับคู่ภาพและเรื่องราวต่าง ๆ และ Talk Show ที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับการท่องเที่ยวไทยร่วมกับ KOLs & Specialist ศิลปิน SATO Triplet ทูตวัฒนธรรมด้านการท่องเที่ยวสำหรับตลาดญี่ปุ่น ภายใต้โครงการ “Thailand Tourism Ambassador in Japan” ของ ททท. และ ศาสตราจารย์ Fumihiko Tsumura ผู้เชี่ยวชาญด้านมานุษยวิทยาวัฒนธรรมและความเชื่อพื้นบ้านในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย เพื่อมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวไทยครบมิติให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสเสน่ห์วัฒนธรรมไทยอย่างลึกซึ้งและช่วยจุดประกายแรงบันดาลใจในการเดินทางจริงในประเทศไทย

ตลาดนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นถือเป็นตลาดระยะใกล้ที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ประเทศไทยยังคงเป็น Top of mind ในใจนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น ซึ่ง ททท. ได้เร่งเข้าไปเสริมแรงตลาด เพื่อผลักดันการเติบโตให้ก้าวกระโดด และบรรลุเป้าหมายที่ 1.25 ล้านคน ในปี 2568 โดยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-18 กันยายน 2568 ประเทศไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นแล้ว 767,923 คน-ครั้ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยเฉลี่ยมีจำนวนวันพักค้างคืน 6.04 คืน ใช้จ่ายราว 39,108 บาทต่อคนต่อทริป

และนิยมเดินทางไปยังเมืองหลักอย่าง กรุงเทพฯ ชลบุรี ภูเก็ต พระนครศรีอยุธยา และเชียงใหม่ ชื่นชอบการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ เข้าถึงชุมชนท้องถิ่น และให้ความสนใจการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะในแหล่งมรดกโลกซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก ตลอดจนตระหนักถึงเรื่องความปลอดภัยและสุขอนามัยในการเดินทางท่องเที่ยวด้วย