สองล้อติวเข้ม!!! ประเมินความพร้อม"นักปั่นซีเกมส์" แก้จุดอ่อน หวังกวาดทอง

สองล้อติวเข้ม!!! ประเมินความพร้อม"นักปั่นซีเกมส์" แก้จุดอ่อน หวังกวาดทอง





Image
ad1

“สองล้อ” ประเมินความพร้อมนักปั่นทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ทุกประเภทหลังเก็บตัวมาต่อเนื่อง 10 เดือนเต็ม ระยะเวลาที่เหลือ 2 เดือนเศษจะเพิ่มความเข้มข้นในการฝึกซ้อม โดยนำวิทยาศาสตร์การกีฬามาใช้อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมแก้ไขจุดบกพร่องของนักกีฬาแต่ละคนเพื่อนำไปสู่ชัยชนะตามเป้าหมายที่วางไว้

“เสธ.หมึก” พลเอกเดชา เหมกระศรี รองประธานสมาพันธ์จักรยานแห่งเอเชีย (ACC), ประธานสหพันธ์จักรยานแห่งอาเซียน (ACF) และนายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า หลังจากสมาคมกีฬาจักรยานฯ ดำเนินการเก็บตัวฝึกซ้อมนักกีฬาจักรยานทีมชาติไทยชุดเตรียมสู้ศึกกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่ประเทศไทย เป็นเจ้าภาพระหว่างวันที่ 9-20 ธันวาคมนี้ โดยได้ดำเนินการเก็บตัวมาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2567 จนถึงปัจจุบันนับเป็นระยะเวลา 10 เดือน ซึ่งมีการทดสอบสมรรถภาพนักกีฬาทุกประเภท ทั้งประเภทลู่ ประเภทถนน ประเภทบีเอ็มเอ็กซ์ และประเภทเสือภูเขา ตามนโยบายของการกีฬาแห่งประเทศไทย และผลการทดสอบล่าสุดนักปั่นทีมชาติไทยมีสมรรถภาพร่างกายอยู่ในเกณฑ์ที่ดี

พลเอกเดชา กล่าวว่า สมาคมกีฬาจักรยานฯ ให้ความสำคัญในเรื่องวิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามามีส่วนในการพัฒนาศักยภาพของนักกีฬาเป็นอย่างมาก โดยนำทุกศาสตร์เข้ามาเสริม ทั้งด้านการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ด้านโภชนาการ ด้านจิตวิทยา ด้านกายภาพบำบัด ภายใต้การกำกับดูแลและรับผิดชอบของ พลตรี นพ.ภูษิต เฟื่องฟู อุปนายกสมาคมฯ ฝ่ายแพทย์ สำหรับนักกีฬาประเภทถนน และประเภทลู่ระยะกลาง เก็บตัวฝึกซ้อมอยู่ที่จังหวัดนครนายก, ประเภทลู่ระยะสั้นเก็บตัวอยู่ที่จังหวัดสุพรรณบุรี, ประเภทเสือภูเขาเก็บตัวที่จังหวัดชลบุรี และประเภทบีเอ็มเอ็กซ์เก็บตัวอยู่ที่สวนกีฬากมล เขตหนองจอก กรุงเทพฯ โดยมีการประเมินผลนักกีฬาเป็นระยะ และทางผู้ฝึกสอนได้มีการทดสอบความพร้อมของนักกีฬาแต่ละประเภท มีการหาจุดบกพร่องของนักกีฬาแต่ละคนแล้ววางแผนแก้ไขเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามแผนที่สมาคมฯ ได้คาดหวังเอาไว้ในซีเกมส์ครั้งนี้ คือ 6-7 เหรียญทอง

“นอกเหนือจากการที่ให้นักกีฬาเก็บตัวฝึกซ้อมตามโปรแกรมแล้ว สมาคมกีฬาจักรยานฯ ก็ได้ส่งนักกีฬาไปแข่งขันยังต่างประเทศเป็นระยะ เพื่อให้นักกีฬาได้ทดสอบฝีมือ และได้ประลองกับนักแข่งในอาเซียนก่อนที่จะมาเจอกันในกีฬาซีเกมส์ โดยประเภทถนนชายก็ส่งไปแข่งขันรายการ ทัวร์ ออฟ โพยางเลค 2025 เมื่อวันที่ 15-26 กันยายน ที่ประเทศจีน และรายการ เลอ ทัวร์ เดอ ลังกาวี 2025 ที่ประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 28 กันยายน - 5 ตุลาคม ประเภทถนนหญิงไปแข่งขันระดับวีเมนส์ เวิลด์ ทัวร์ ที่ประเทศจีน 2 รายการติดต่อกันคือ ทัวร์ ออฟ จงหมิง ไอส์แลนด์ ระหว่างวันที่ 14-16 ตุลาคม และต่อด้วย ทัวร์ ออฟ กว่างสี ในวันที่ 19 ตุลาคม ส่วนประเภทบีเอ็มเอ็กซ์ ก็จะไปแข่งขันรายการชิงแชมป์เอเชีย 2025 ที่เมืองนาโกยา ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 1-2 พฤศจิกายน ประเภทเสือภูเขาก็จะส่งไปแข่งขันรายการ “76 อินโดนีเซีย ดาวน์ฮิล” สนามที่ 3 ที่เมืองโกตา บาตู ประเทศอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 24-26 ตุลาคม ขณะที่ประเภทลู่ก็ได้ทดสอบฝีมือไปแล้วในรายการ แทร็ก เอเชีย คัพ 2025 เมื่อวันที่ 28-30 สิงหาคม ที่จังหวัดสุพรรณบุรี” พลเอกเดชา กล่าว

ด้าน พ.อ.อ.ภุชงค์ ซ้ายอุดมศิลป์ ผู้ฝึกสอนประเภทถนน กล่าวว่า จากที่ได้รับนโยบายการเตรียมทีมนักกีฬาทางท่านนายกสมาคมฯ ว่าให้ใช้วิทยาศาสตร์การกีฬามาใช้ให้มากที่สุด ซึ่งมีผลให้นักกีฬามีศักยภาพสูงขึ้น เมื่อเทียบกับปีที่ผ่าน ๆ มามีความแตกต่างในทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้นักกีฬามีความสมบูรณ์มากกว่าเดิม ระยะเวลาที่เหลืออีกประมาณ 2 เดือน ก็จะให้นักกีฬาค่อย ๆ เพิ่มความฟิตแล้วไปสมบูรณ์ 100 % ในช่วงแข่งขันพอดี แต่สิ่งที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษคือเรื่องของการบาดเจ็บ การเกิดอุบัติเหตุ เพราะเป็นช่วงโค้งสุดท้ายแล้วการจะหานักกีฬามาทดแทนเป็นเรื่องที่ยากมาก สำหรับประเภทถนน มีชิง 7 เหรียญทอง รายการที่มีความหวังคว้าเหรียญทองมากที่สุดคาดว่าจะเป็นไทม์ไทรอัลบุคคลชาย และไทม์ไทรอัลทีมชาย รองลงไปคือโรดเรซหญิง และไครทีเรียมหญิง โดยมีคู่แข่งสำคัญคืออินโดนีเซียและฟิลิปปินส์
ส่วน มร.ฮาร์วี่ย์ เครปส์ ผู้ฝึกสอนจักรยานบีเอ็มเอ็กซ์เรซซิง เปิดเผยว่าสำหรับนักปั่นบีเอ็มเอ็กซ์เรซซิง ทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ ต่างก็มีพัฒนาการทั้งด้านความแข็งแรง เทคนิค และความเร็วเพิ่มขึ้นเป็นที่น่าพอใจ โดยเฉพาะ “เอ้” ส.ท.โกเมธ สุขประเสริฐ เจ้าของแชมป์บีเอ็มเอ็กซ์เอเชีย 3 สมัย มีสถิติทั้งในยิมและในสนามแข่งขันพัฒนาขึ้นเป็นสถิติดีที่สุด หรือ Personal Best ในทุกมิติ และพร้อมที่จะพิสูจน์ด้วยการคว้าแชมป์เอเชียสมัยที่ 4 ในการแข่งขันบีเอ็มเอ็กซ์เรซซิงชิงแชมป์เอเชีย 2025 ที่เมืองนาโกยา ประเทศญี่ปุ่น และคว้าเหรียญทองในการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 33

“ทีมบีเอ็มเอ็กซ์ได้นำวิทยาศาสตร์การกีฬามาใช้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนากล้ามเนื้อ การใช้ระบบโมชั่น เซนเซอร์เพื่อปรับท่าทางการขี่ของนักปั่นให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด  ที่ปรึกษาด้านโภชนาการและจิตวิทยา ไปจนถึงระบบ Brower Timing System ที่สามารถวัดสถิติของนักกีฬาในแต่ละช่วงของสนามแข่งขันเพื่อนำข้อมูลไปปรับปรุงส่วนที่เป็นจุดอ่อน และเสริมจุดแข็งของนักกีฬาได้อย่างตรงจุด สำหรับบีเอ็มเอ็กซ์มีชิง 2 เหรียญทองในรายการบีเอ็มเอ็กซ์เรซซิง กับบีเอ็มเอ็กซ์ไทม์ไทรอัล ซึ่งเรามีโอกาสคว้ามาทั้ง 2 เหรียญทองจากโกเมธ แต่ก็ประมาทไม่ได้ เพราะมีคู่แข่งสำคัญเป็นนักกีฬาฟิลิปปินส์อดีตรองแชมป์เอเชียปีที่แล้ว” มร.ฮาร์วีย์ กล่าว
ขณะที่ จ.ส.อ.สิทธิชัย เกตุแก้วมณี ผู้ฝึกสอนเสือภูเขา (ดาวน์ฮิล) กล่าวว่า ขณะนี้นักกีฬาสามารถฝึกซ้อมเส้นทางแข่งขันในสวนสัตว์เปิดเขาเขียว จังหวัดชลบุรี ได้แล้วประมาณ 90 % แต่มีบางช่วงที่ยังต้องทำสะพานกระโดดข้ามถนน แต่ก็ไม่เป็นปัญหาต่อการฝึกซ้อม นอกจากนี้ได้ให้นักกีฬาเล่นเวตเทรนนิ่งตามโปรแกรมที่กำหนดเอาไว้เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ และมีการใช้วิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามาเสริมในทุกด้าน ส่วนความหวังในการคว้าเหรียญทองก็ยังเป็น 2 นักกีฬาตัวหลักคือ อส.ทพ.เมธาสิทธิ์ บุญเสน่ห์ ดีกรีแชมป์เอเชีย 4 สมัย และ จ.ท.หญิง วิภาวี ดีคาบาเลส แชมป์เอเชีย 9 สมัย โดยมีคู่แข่งสำคัญคือนักกีฬาอินโดนีเซีย 
ทางด้าน ร.ต.อ.อดิศักดิ์ วรรณศรี ผู้ฝึกสอนจักรยานประเภทลู่ เปิดเผยว่า สำหรับนักกีฬาประเภทลู่มีความฟิตประมาณ 90% ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ส่วนแผนการฝึกซ้อมในระยะเวลา 2 เดือนที่เหลือนี้จะเป็นการเสริมด้านพละกำลัง และการเพิ่มความเร็วในการสปรินท์ โดยเฉพาะ จาย อังค์สุธาสาวิทย์ นักปั่นความหวังเหรียญทองในรายการคีริน ก็มีการพัฒนาดีขึ้นมากหลังจากมีการใช้วิทยาศาสตร์การกีฬา รวมถึงนักจิตวิทยามาช่วยปรับสภาพจิตใจ ส่วนนักปั่นระยะกลางหลังจากเสร็จสิ้นแข่งขันประเภทถนนที่ต่างประเทศก็ต้องกลับมาฟื้นฟูสภาพร่างกาย ก่อนจะให้ฝึกซ้อมตามโปรแกรม และค่อย ๆ เพิ่มความเข้มข้นเพื่อให้ร่างกายสมบูรณ์ที่สุดในช่วงแข่งขัน.