ยโสธรยังวิกฤต! แม่น้ำชีจ่อล้นตลิ่ง-ลำเซบายคลี่คลายนาข้าวเสียหายกว่า 2,000 ไร่

0 19

ยโสธรยังวิกฤต! แม่น้ำชีจ่อล้นตลิ่ง-ลำเซบายคลี่คลาย แต่ทิ้งรอยแผลนาข้าวเสียหายกว่า 2,000 ไร่ รองผู้ว่าฯ ลุยพื้นที่ สั่งเฝ้าระวังเข้ม

เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2568 ที่จังหวัดยโสธร นายขรรค์ไชย ทันธิมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร พร้อมด้วย นางสาวภรณ์ชนก ตั้งศิริกุล รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดยโสธร ได้นำคณะหัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำในอำเภอคำเขื่อนแก้ว หลังพบระดับน้ำในแม่น้ำสายหลัก ยังคงมีความผันผวนและส่งผลกระทบต่อประชาชนในหลายพื้นที่ โดยจุดที่ลงคือลำน้ำชี บริเวณสถานีวัดน้ำ E97 (สะพานศิริโยธาพัฒนา) บ้านดอนขะยอม ต.สงเปือย ซึ่งจากการตรวจสอบเมื่อเวลา 08.00 น. พบว่าลำน้ำชียังมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น

โดยที่ ระดับน้ำเพิ่มขึ้นอีก 5 เซนติเมตร อยู่ที่ 12.45 เมตร ซึ่งต่ำกว่าตลิ่งเพียง 5 เซนติเมตรเท่านั้น ส่งผลให้ถนนสายบ้านบุ่งหวาย - บ้านดอนขะยอม มีน้ำท่วมขังเป็นบางช่วง สูงประมาณ 20 เซนติเมตร แต่ยังสามารถสัญจรได้ ขณะที่จุดบ้านทรายงาม ตำบลกุดกุง ระดับน้ำเพิ่มขึ้น 2 เซนติเมตร ทำให้ถนนทางเข้าหมู่บ้านถูกน้ำท่วมสูงประมาณ 30 เซนติเมตร เป็นระยะทางยาว 90 เมตร แม้รถเล็กจะยังสัญจรได้ แต่พื้นที่การเกษตรในที่ลุ่มต่ำยังคงจมอยู่ใต้น้ำ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานบ้านเรือนราษฎรได้รับผลกระทบโดยตรง

จากนั้นได้ไปติดตามสถานการณ์น้ำในลำเซบาย ที่บ้านกุดเป่ง ตำบลเหล่าไฮ ซึ่งพบว่ามีทิศทางที่ดีขึ้น โดยระดับน้ำลดลงถึง 15 เซนติเมตร แต่ก่อนหน้านี้มวลน้ำได้เอ่อล้นเข้าท่วมศูนย์พัฒนาเด็กเล็กของ อบต.เหล่าไฮ จนต้องมีคำสั่งปิดการเรียนการสอนชั่วคราว นอกจากนี้ พื้นที่นาข้าวของเกษตรกรในบริเวณที่ลุ่มต่ำได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยคาดว่ามีพื้นที่เสียหายประมาณ 2,239 ไร่ จากเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ 173 ครัวเรือน

ก่อนที่จะเดินทางไปที่บ้านปักแฮด ตำบลนาคำ ซึ่งจุดนี้ยังคงต้องเฝ้าระวังแม้ระดับน้ำจะลดลง แต่ถนนสายบ้านปักแฮด - บ้านสร้างถ่อนอก ยังไม่สามารถสัญจรได้ตามปกติ โดยทาง อบต.นาคำ ได้ติดตั้งป้ายประกาศแจ้งเตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงเส้นทางดังกล่าวแล้ว และจากการประสานงานสถานการณ์น้ำในเขื่อนลำเซบาย จังหวัดอำนาจเจริญ ซึ่งอยู่ถัดไปยังคงน่ากังวล

ทั้งนี้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธรได้กำชับให้ทุกหน่วยงานเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับปริมาณน้ำที่อาจเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากในพื้นที่อำเภอคำเขื่อนแก้วยังคงมีฝนตกเล็กน้อย วัดปริมาณได้ 0.6 มิลลิเมตร และกรมอุตุนิยมวิทยายังคงพยากรณ์ว่าจะมีฝนฟ้าคะนองในพื้นที่ ซึ่งอาจส่งผลให้สถานการณ์กลับมาวิกฤตได้อีกครั้ง