งดงาม! ตักบาตรดอกไม้ โกนจุก ประเพณีเก่าแก่เอกลักษณ์ชาวมอญเมืองปทุมฯ


เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2568 ที่วัดบางหลวง อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี พุทธศาสนิกชนได้ร่วมกันตักบาตรดอกไม้เนื่องในเทศกาลวันออกพรรษาโดยได้รับเมตตาจาก พระศรีวัชรปัทมคุณ เจ้าอาวาสวัดบางหลวง เจ้าคณะอำเภอเมืองปทุมธานี นำคณะสงฆ์แสดงธรรมเทศนาเพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้เข้าใจในหลักธรรมศาสนา ได้ศึกษาธรรมะ ได้ร่วมกันทำความดี เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตของตนเองและครอบครัว พร้อมได้ร่วมกันทำบุญตักบาตรดอกไม้ในเทศกาลวันออกพรรษา ร่วมกันสืบสานวัฒนธรรมประเพณีของคนไทยรามัญ
บรรยากาศในปีนี้ เมื่อพระภิกษุสงฆ์เดินผ่านเหล่าพุทธศาสนิกชนและชาวไทยเชื้อสายรามัญก็จะนำดอกไม้ที่เตรียมมาขึ้นบรรจบที่หน้าผากตั้งจิตอธิษฐานก่อนที่จะนำใส่พานของพระที่เดินรับบาตรดอกไม้เมื่อพระสงฆ์รับดอกไม้ธูปเทียน และเดินเข้าสู่อุโบสถแล้ว หลังจากเสร็จพิธีจะนำดอกไม้ทั้งหมดมารวมกันเพื่อบูชาพระรัตนตรัยแล้วทำสังฆกรรมปวารณาออกพรรษา และนำพุทธศาสนิกชนเจริญบทธัมมจักรกับปวัตตนสูตร เพื่อเป็นพุทธบูชา อันเป็นมหาบุญกุศลแห่งความเป็นสิริมงคลแก่ประชาชนชาวบางหลวงและชาวจังหวัดปทุมธานี
“ประเพณีทำบุญตักบาตรดอกไม้ “ชอนปะกาว โล่งปะกาว”เป็นประเพณีที่ชาวไทยรามัญ (มอญ) จัดขึ้นในวันออกพรรษา วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 จัดเป็นเทศกาลที่สำคัญ เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธประวัติอันเป็นการบูชาต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กล่าวคือเมื่อครั้งที่พระพุทธองค์เสด็จขึ้นไปโปรดพุทธมารดาบนเทวโลกนั้น พระองค์ได้เสด็จประทับอยู่บนเทวโลกเพื่อโปรดพุทธมารดาตลอดพรรษานั้น บรรดาอาณาประชาราษฎร์ทั้งหลายต่างคิดคำนึงถึงพระบรมศาสดา และต่างรอคอยการเสด็จกลับของพระพุทธองค์อยู่ตลอดเวลา
เมื่อพระองค์เสด็จถึงมนุษย์โลกที่เมืองสังกัสสะนั้น เหล่าบรรดามหากษัตริย์และอาณาประชาราษฎร์ต่างปลื้มปิติโสมนัส ทำการบูชาพระบรมศาสดาด้วยดอกไม้ ของหอมต่างๆ อย่างมากมาย ชาวมอญได้นำเอาพุทธประวัติตอนดังกล่าวนี้มาจัดเป็นพิธีตักบาตรดอกไม้ ประเพณีตักบาตรดอกไม้ของวัดบางหลวงยังคงเป็นประเพณีที่งดงามและสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน
จากนั้นพระศรีวัชรปัทมคุณ เจ้าอาวาสวัดบางหลวง เจ้าคณะอำเภอเมืองปทุมธานีเป็นประธานในพิธีโกนผมจุก ให้แก่เด็กที่มีอายุครบการโกนผม ซึ่งเป็นการอนุรักษ์และสืบสานประเพณีของชาวมอญ จังหวัดปทุมธานี
ชาวมอญสมัยก่อนนิยมที่จะให้บุตรหลานของตนไว้จุกสาเหตุเพราะมีการเชื่อกันว่าบุตรหลานของตนจะอยู่เย็นเป็นสุขหรือเป็นการรักษาโรคอย่างใดอย่างหนึ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่เด็กมีร่างกายไม่แข็งแรงเจ็บป่วยบ่อย พระสงฆ์หรือผู้เฒ่าผู้แก่มักแนะนำผู้ปกครองให้ไว้จุกแก่บุตรหลานเพื่อให้เด็กมีสุขภาพแข็งแรง เมื่อเด็กแรกเกิดมีอายุครบ 1 เดือนจะต้องโกนผมไฟ (โซ่กโก๊ะ)
หลังจากนั้นถ้าผู้ปกครองต้องการให้บุตรหลานไว้จุกก็เริ่มได้เลย ก็คือจะเก็บผมตรงกลางของศีรษะคอนมาทางด้านหน้าเล็กน้อยแล้วโกนผมส่วนที่เหลือทั้งหมดออก การโกนผมจุก (จอแหละโป๊ะ) จะโกนเมื่อเด็กอายุได้ 13 ขวบต่อมาในสมัยหลังๆมีการอนุโลมให้จัดพิธีโกนจุกขึ้นตามความจำเป็นและเหมาะสมของสภาพสังคม เช่นเพื่อตัดจุกเมื่อเด็กต้องการเข้าเรียนเป็นต้นเด็กผมจุกในสมัยนี้จะต้องโกนจุกเร็วขึ้นโดยสามารถโกนได้ตั้งแต่อายุ 3 ขวบ 5 ขวบ 7ขวบ 9 ขวบ ถึง 11 ขวบข้อสำคัญของพิธี คือในวันที่โกนจุก ต้องไม่มีสมาชิกในครอบครัวคนหนึ่งคนใดตั้งครรภ์
และต้องบอกญาติทุกคนร่วมรับรู้ และให้มาร่วมงาน เป็นพิธีกรรมที่ยึดถือปฏิบัติกันมาแต่สมัยโบราณ ปัจจุบันเหลือน้อยลง เป็นพิธีที่ทำเพื่อให้พ่อแม่เด็กมีขวัญและกำลังใจในการเลี้ยงลูกเด็กน้อยบางคนถูกแค่ตัดเส้นผมเท่านั้น จากที่เคยสดชื่นเริงร่าก็น้ำตาร่วงหล่น ปากแบะ.ร้องไห้จ้าด้วยความกลัว งานโกนจุกของชาวมอญ ถือเป็นการสืบสานวัฒนธรรมอันเก่าแก่ บ่งบอกถึงวิถีชีวิตชาวมอญได้เป็นอย่างดี เห็นถึงความสำคัญของมรดกทางวัฒนธรรม