ชาวนาบุรีรัมย์ ลงทุนซื้อสแลนบังแสงไฟริมถนน ป้องกันข้าวไม่ออกรวง-เมล็ดลีบ


ชาวนา อ.ประโคนชัย ที่มีแปลงนาใกล้กับเสาไฟส่องสว่างริมถนน ลงทุนซื้อสแลนติดบังแสงไฟส่องสว่างริมถนนเป็นทางยาว ป้องกันข้าวไม่ออกรวงและเมล็ดลีบไม่ได้ผลผลิตเต็มที่ ด้านทางหลวงชนบทเผย เข้าใจวิถีชาวนา แต่แนะห้ามนำไปปิดหลอดไฟเสี่ยงผิด กม.
เมื่อวันที่ 11 ต.ค.68 ชาวนาหลายราย ใน ต.ปะทัดบุ อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ที่มีแปลงนาใกล้กับเสาไฟส่องสว่างริมถนน ต่างลงทุนซื้อสแลนไปติดบังแสงไฟส่องสว่างริมถนนเป็นทางยาว ป้องกันไม่ให้ข้าวที่ถูกแสงไฟไม่ออกรวง หรือเมล็ดลีบไม่ได้ผลผลิตเต็มที่ จากเมื่อก่อนเคยมีชาวนานำกระสอบไปปิดหลอดไฟไม่ให้แสงสว่างจากไฟโดนต้นข้าวตอนกลางคืน เพราะเหมือนกับต้นข้าวโดนแสงทั้งตอนกลางวันและกลางคืนไม่ได้พักผ่อน ทำให้ข้าวแคระแกรนไม่โต ส่วนที่ใกล้ออกรวงก็อาจจะไม่ออกหรือเมล็ดลีบไปเลย แต่ครั้งนั้นมีผู้ใช้รถใช้ถนนร้องเรียนได้รับผลกระทบ ทางสัญจรมืดเพราะไฟส่องสว่างถูกปิดเอาไว้ทำให้เสี่ยงอันตรายในการสัญจร ทางหลวงชนบทจึงได้ตักเตือนว่าไม่สามารถทำได้ และอาจเสี่ยงผิดกฎหมายจึงต้องเอาออก จนกลายเป็นประเด็นตรามา ชาวนาจึงต้องปรับเปลี่ยนใช้เป็นสแลนปิดบังแสงไฟแทน
สอบถามนายจีรพัฒน์ โสชรา ชาวบ้านโคกกระชาย อ.ประโคนชัย บอกว่า ชาวนาที่มีแปลงนาติดถนนใกล้กับเสาไฟส่องสว่าง ได้ประสบปัญหาต้นข้าวโตช้า พอถึงช่วงออกรวงก็ไม่ออก หรือออกแต่เมล็ดก็จะลีบจริง เพราะเห็นความแตกต่างชัดเจนจากแปลงที่ใช้สแลนปิดบังแสง กับแปลงที่ไม่ได้ปิดบังแสง ชาวนาที่มีแปลงนาใกล้เสาไฟส่องสว่างจึงได้พากันซื้อสแลนมาบังแสงไฟ กลัวข้าวจะไม่ออกรวงหรือเมล็ด บางคนลงทุนซื้อสแลนมาติดตั้งเกือบ 15,000 บาท เป็นระยะทางยาวเกือบ 1 กิโลเมตร แต่ก็ต้องยอมลงทุนเพิ่มดีกว่าปล่อยให้ข้าวไม่ออกรวง หรือไม่ได้ผลผลิต
ด้านชัชวาลย์ ดาทอง หัวหน้าหมวดทางหลวงประโคนชัย ให้ข้อมูลว่า ถนนสายดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบของทางหลวงชนบท ที่ผ่านมา มีชาวนามาสอบถามเกี่ยวกับเรื่องการนำสแลน ปิดกันแสงไฟริมถนน ทางเจ้าหน้าที่ก็แนะนำไปว่าสามารถทำได้ แต่ต้องไม่กีดขวางการสัญจร หรือนำไปปิดที่หลอดไฟ เพราะจะกระทบกับผู้ใช้รถใช้ถนน เพราะที่ผ่านมาเคยมีชาวนานำถุงปุ๋ยไปปิดที่หลอดไฟ จนถนนจุดดังกล่าวมืดกระทบกับการสัญจร ก็เห็นใจชาวนาแต่ก็ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ และไม่กระทบผู้อื่นด้วยเช่นกัน