ตระการตา!ชาวมอญรวมใจตักบาตรพระร้อย วัดชินวราราม สืบสานประเพณีเก่าแก่


ยิ่งใหญ่อลังการตระการตา ชาวมอญรวมใจตักบาตรพระร้อย วัดชินวราราม สืบสานประเพณีเก่าแก่ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเมืองปทุมธานี
เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2568 ณ วัดชินวรารามวรวิหาร (พระอารามหลวง) อ.เมือง จ.ปทุมธานี นายองครักษ์ ทองนิรมล รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี เป็นประธานนำพุทธศาสนิกชน ร่วมพิธีตักบาตรพระร้อย (ทางเรือ) โดยมี นายศุภชัย นพขำ อดีต ส.ส. ปทุมธานี พร้อมด้วยข้าราชการ และประชาชนเข้าร่วมสืบสานประเพณีตักบาตรพระร้อยกันจำนวนมาก
โดย พระราชสิริวัชรรังษี (หลวงพ่อชำนาญ อุตฺตมปญฺโญ) รองเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เจ้าอาวาสวัดชินวรารามวรวิหาร นำพระสงฆ์ลงเรือรับบาตรในประเพณีตักบาตรพระร้อยเพื่อสืบสานประเพณีอันเก่าแก่
ในครั้งนี้ชาวไทยเชื้อสายรามัญ ในจังหวัดปทุมธานีร่วมใจกันนำดอกบัวมาร่วมตักบาตรพระร้อยเพราะดอกบัวเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดปทุมธานี กิจกรรมครั้งนี้พิเศษตรงที่เน้นให้พุทธศาสนิกชนนำดอกบัวมาถวายพระสงฆ์ แทนดอกไม้ชนิดอื่น เพื่อรำลึกถึงประวัติศาสตร์ที่สมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) พระราชทานนามเมืองสามโคกเป็นปทุมธานี เพราะทรงเห็นดอกบัวบานสะพรั่งอยู่ทั่วไป โดยพระองค์ทรงตั้งชื่อเมืองใหม่ว่า “ปทุมธานี” ซึ่งแปลว่า “เมืองแห่งดอกบัว”
ประเพณีตักบาตรพระร้อยทางน้ำ ซึ่งเป็นประเพณีเก่าแก่ของวัดที่อยู่ตามริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งสองฝั่งแม่น้ำ ในช่วงเทศกาลออกพรรษา ที่ชาวปทุมธานี โดยเฉพาะชาวไทยเชื้อสายมอญ ปฏิบัติกันมานานนับร้อยปี เพราะจังหวัดปทุมธานีมีแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่าน ทำให้เกิดลำคลองหลายสายขึ้น เพื่อใช้เป็นเส้นทางการคมนาคม ใช้ในการชลประทาน ใช้ในการอุปโภคบริโภค อีกทั้งบ้านเรือนประชาชนแต่เดิมจะตั้งอยู่ริมแม่น้ำลำคลองเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งในช่วงออกพรรษาเป็นช่วงน้ำหลาก บรรยากาศชุ่มชื่นการสัญจรไปมาทางเรือสะดวก ดังนั้น
การตักบาตรพระสงฆ์จึงใช้เรือในการบิณฑบาตบริเวณท่าน้ำหน้าบ้านประชาชน ย้อนถึงประวัติความเป็นมา และพิธีปฏิบัติในประเพณีเก่าแก่นี้ หากวัดใดที่จะจัดพิธีตักบาตรพระร้อยต้องแจ้งกำหนดวันเสียก่อน ซึ่งประเพณีจะเริ่มตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ ไปจนถึงวันแรม 13 ค่ำ เดือน 11 วนเวียนกันไปในแต่ละวัด ถึงวันงานทางวัดจะนิมนต์พระเพื่อร่วมพิธีแต่เช้ามืด จากนั้นจึงจัดลำดับโดยการแจกหมายเลขก่อนหลัง เสร็จแล้ววัดเจ้าภาพจึงถวายภัตตาหารเช้าแก่พระที่ร่วมพิธี
การตักบาตรพระร้อยจะเริ่มประมาณเจ็ดโมงเช้า นำโดยเรือพระพุทธซึ่งส่วนใหญ่นิยมใช้เรือกระแชง ภายในเรือจะตั้งพระพุทธรูป โต๊ะหมู่บูชา ดอกไม้ธูปเทียน จากนั้นจึงเป็นเรือพระสงฆ์เรียงตามลำดับหมายเลขที่ได้รับ พระภิกษุสงฆ์ลงเรือ มีศิษย์วัดนั่งในเรือคอยรับอาหารบิณฑบาต
แม้วิธีปฏิบัติจะแปรเปลี่ยนไปบ้างตามยุคสมัย แต่ภาพความศรัทธาสามัคคียังคงดำรงสะท้อนออกมาจากผู้คนนับร้อย ผู้เฒ่าผู้แก่ หนุ่มสาว ยืนเรียงเป็นทิวแถวรอใส่บาตร สะท้อนถึงศรัทธาในพระพุทธศาสนา วิถีชีวิตดั้งเดิม และเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของชาวไทยเชื้อสายรามัญ