กรมชลฯลุยสร้าง 4 ปตร. แก้แล้งให้คนสองฝั่งลำน้ำน่าน พิษณุโลก-พิจิตร-นครสวรรค์

กรมชลฯลุยสร้าง 4 ปตร. แก้แล้งให้คนสองฝั่งลำน้ำน่าน พิษณุโลก-พิจิตร-นครสวรรค์





Image
ad1

กรมชลประทานเดินหน้าสร้าง 4 ปตร. แก้แล้งให้คนสองฝั่งลำน้ำน่าน พิษณุโลก-พิจิตร-นครสวรรค์ เพิ่มน้ำต้นทุนกว่า 142 ล้าน ลบ.ม. ช่วยเหลือเกษตรกร 129,500 ไร่

นายบุญเหลือ บารมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า แม้จังหวัดพิษณุโลกจะมีแม่น้ำหลายสาย แต่ยังคงประสบปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง โครงการนี้จึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง จังหวัดพร้อมสนับสนุน เพราะจะช่วยป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว ทำให้สามารถควบคุมระดับน้ำ และนำน้ำไปใช้ประโยชน์ทั้งด้านการอุปโภคบริโภค (ทำประปา) และการเกษตร

เช่นเดียวกับ นายมนต์ชัย วิวัฒน์ธนาฒย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก ที่กล่าวเสริมว่า ปตร.ท้ายเมือง จะช่วยรักษาระดับน้ำในฤดูแล้ง ป้องกันปัญหาตลิ่งพังเนื่องจากระดับน้ำที่ผันผวน นอกจากนี้ เมื่อน้ำนิ่งจะช่วยให้การผลิตน้ำประปามีคุณภาพดีขึ้น (ลดตะกอน) และยังสามารถวางแผนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำในอนาคต

ที่ห้องประชุมสำนักงานชลประทานที่ 3 จังหวัดพิษณุโลก นายสมจิตฐิพงศ์ อำนาจศาล ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 3 กรมชลประทาน นำสื่อมวลชนลงพื้นที่ติดตาม 4 แผนงานโครงการอาคารบังคับน้ำเร่งด่วน " ท้ายเมืองพิษณุโลก-โคกสลุด-บางไผ่-วังหมาเน่า” เพื่อเป็นเครื่องมือแก้ภัยแล้ง-น้ำท่วม ลำน้ำน่าน

นายสมจิตฐิพงศ์ อำนาจศาล ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 3 กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้มีการวางแผนพัฒนาแหล่งน้ำในลุ่มน้ำน่านมาตลอด มีแหล่งน้ำที่สำคัญ อาทิเช่น เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดนเขื่อนทดน้ำผาจุกและเขื่อนทดน้ำนเรศวร เมื่อรวมกับอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและขนาดเล็กสามารถกักเก็บน้ำไว้ได้ 10,430.25 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันมีแผนพัฒนาจัดหาแหล่งเก็บกักน้ำในระยะกลาง (ปี 2565-2575) เพิ่มเติมอีก เช่น อ่างเก็บน้ำน้ำปาด (ภูวังผา) อ่างเก็บน้ำน้ำกอน อ่างเก็บน้ำน้ำกิและอ่างเก็บน้ำน้ำยาว เป็นต้น ซึ่งคาดว่าสามารถมีน้ำกักเก็บเพิ่มได้อีกประมาณ 799 ล้าน ลบ.ม. กรมชลประทาน จึงมีนโยบายใช้ลำน้ำน่านเป็นแหล่งเก็บกักน้ำ จึงเป็นที่มาของโครงการที่กำลังดำเนินการศึกษาฯ อยู่ในขณะนี้

โดยในปี 2566-2567 ได้ทำจัดทำแผนหลักการพัฒนาประตูระบายน้ำในลำน้ำน่าน พบว่า มีศักยภาพ จำนวน 7 โครงการ ได้ทำการคัดเลือกโครงการเพื่อศึกษาความเหมาะสมและประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมแล้วเสร็จ 2 โครงการ คือ โครงการประตูระบายน้ำน้ำปั้ว-ไหล่น่าน จังหวัดน่าน และ โครงการประตูระบายน้ำฆะมัง จังหวัดพิจิตร ต่อมาในปี พ.ศ. 2567-2568 ได้ศึกษาทบทวนแผนหลักเพิ่มเติมเพื่อศึกษาความเหมาะสม จำนวน 3 โครงการ และศึกษาความเหมาะสมและประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมเร่งด่วน จำนวน 1 โครงการ

โครงการประตูระบายน้ำท้ายเมืองพิษณุโลก ต.งิ้วงาม อ.เมือง จ.พิษณุโลก เป็นการก่อสร้างอาคารประตูระบายน้ำ คอนกรีตเสริมเหล็กในช่องลัดของลำน้ำน่าน ควบคุมด้วยบานประตูแบบบานตรง 4 บาน กว้างช่องละ 12.50 เมตรสูง 7.50 เมตร และฝายพับได้ 2 ช่อง กว้างช่องละ 15.00 เมตร สูง 4.00 เมตร สามารถกักเก็บน้ำได้ 44.33 ล้าน ลบ.ม. พร้อมทางผ่านปลาตั้งอยู่ทางฝั่งขวา มีพื้นที่รับประโยชน์ด้านเกษตรกรรมสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า 10 แห่ง รวมพื้นที่ 17,762 ไร่

โครงการประตูระบายน้ำโคกสลุด ต.โคกสลุด อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก เป็นการก่อสร้างอาคารประตูระบายน้ำคอนกรีตเสริมเหล็กกั้นลำน้ำน่าน ควบคุมด้วยบานประตูแบบบานตรง 4 บาน กว้างช่องละ 12.50 เมตรสูง 8.50 เมตร และฝายพับได้ 2 ช่อง กว้างช่องละ 15.00 เมตร สูง 4.00 เมตร สามารถกักเก็บน้ำได้ 18.21 ล้าน ลบ.ม. พร้อมอาคารทางผ่านปลาตั้งอยู่ทางฝั่งขวา มีพื้นที่รับประโยชน์ด้านเกษตรกรรมสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า 8 แห่ง รวมพื้นที่ 11,365 ไร่

โครงการประตูระบายน้ำบางไผ่ ต.บางไผ่ อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร เป็นการก่อสร้างอาคารประตูระบายน้ำคอนกรีตเสริมเหล็กกั้นลำน้ำน่าน ควบคุมด้วยบานประตูแบบบานตรง 4 บาน กว้างช่องละ 12.50 เมตรสูง 8.50 เมตร และฝายพับได้ 2 ช่อง กว้างช่องละ 15.00 เมตร สูง 4.00 เมตร สามารถกักเก็บน้ำได้ 37.71 ล้าน ลบ.ม. พร้อมอาคารทางผ่านปลาตั้งอยู่ทางฝั่งขวาและประตูเรือสัญจรตั้งอยู่ทางฝั่งซ้าย มีพื้นที่รับประโยชน์ด้านเกษตรกรรมสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า  24 แห่ง รวมพื้นที่ 54,565 ไร่ 

โครงการประตูระบายน้ำวังหมาเน่า ต.ทับกฤช อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ เป็นการก่อสร้างอาคารประตูระบายน้ำคอนกรีตเสริมเหล็กในช่องลัดของลำน้ำน่าน ควบคุมด้วยบานประตูแบบบานตรง 4 บาน กว้างช่องละ 12.50 เมตรสูง 8.50 เมตร และฝายพับได้ 2 ช่อง กว้างช่องละ 15.00 เมตร สูง 4.00 เมตร สามารถกักเก็บน้ำได้ 41.94 ล้าน ลบ.ม. พร้อมอาคารทางผ่านปลาตั้งอยู่ทางฝั่งซ้าย และประตูเรือสัญจรตั้งอยู่ทางฝั่งขวา มีพื้นที่รับประโยชน์ด้านเกษตรกรรมสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า 15 แห่ง รวมพื้นที่ 45,749 ไร่

ด้านนายสุรสิทธิ์ บุญรักชาติ อดีตผู้อำนวยการศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 6 จังหวัดพิษณุโลก กล่าวถึงโครงการดังกล่าวว่า ปัจจุบันทางศูนย์ฯ รับผิดชอบทั้งหมด 8 จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง สำหรับพื้นที่หลักของศูนย์ฯ จะเป็นโรงเรือนเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชชนิดต่างๆ ได้แก่ พืชไร่ กล้วย ฯลฯ และมีแนวโน้มจะขยายพันธุ์พืชให้กับเกษตรกร โดยแบ่งออกเป็นต้นพันธุ์ พ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ และการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ในอนาคตหากโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จ คาดว่าจะได้รับประโยชน์มากขึ้น ผลผลิตเพิ่มมากขึ้น

"ปัจจุบันยังพบปัญหาขาดแคลนน้ำในการนำปลูกพืช ยกตัวอย่างเช่น กล้วย ถั่ว มันสำปะหลัง ส่วนไม้ผลได้แก่ ฝรั่ง ส้มโอ มะนาว ซึ่งในอนาคตหากมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น ก็จะมีการขยายพันธุ์พืชเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน เพราะน้ำเป็นส่วนประกอบสำคัญในการอนุบาลพืช ไม่ว่าจะเป็นกล้วยน้ำว้าที่มีมากที่สุดในพื้นที่ ปีละ 3 หมื่นต้น" นายสุรสิทธิ์ กล่าว

นายสวน เจริญสุขรุ่งเรือง รองประธานสภาเกษตรกรจังหวัดพิษณุโลกและกรรมการลุ่มน้ำภาคการเกษตรลุ่มน้ำน่าน (ต้นน้ำ) กล่าวว่า โครงการดังกล่าวถือว่าเป็นโครงการที่ดีมาก เพราะเกษตรกรพอใจ หากมีการก่อสร้างเขื่อน ฝาย อาคารบังคับน้ำ หรือประตูระบายน้ำ แล้วเสร็จ จะทำให้ตลิ่งไม่ทรุดพังเสียหาย จะมีน้ำทำการเกษตรเพิ่มขึ้น ผลผลิตเพิ่มขึ้น มีรายได้เพิ่มขึ้น ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นแน่นอน

1.นายสวน เจริญสุขรุ่งเรือง
รองประธานสภาเกษตรกรจังหวัดพิษณุโลกและ
กรรมการลุ่มน้ำภาคการเกษตรลุ่มน้ำน่าน(ต้นน้ำ)

2.นายประเสริฐ ศรีปัญญา
ประธานกลุ่มผู้ใช้น้ำสถานีสูบน้ำน่านจ.พิจิตรและอนุกรรมการลุ่มน้ำน่าน(กลางน้ำ)

3.นายสมาน กันทา
คณะกรรมการลุ่มน้ำภาคการเกษตรลุ่มน้ำน่านภาคเหนือ(ปลายน้ำ)

ทางด้านนายประเสริฐ ศรีปัญญา ประธานกลุ่มผู้ใช้น้ำสถานีสูบน้ำจังหวัดพิจิตรและอนุกรรมการลุ่มน้ำน่าน (กลางน้ำ) กล่าวเสริมว่า ในช่วงฤดูแล้งจะมีปัญหาขาดแคลนน้ำทำการเกษตร เนื่องจากประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม มีความต้องการใช้น้ำมาก พอถึงช่วงฤดูฝนก็เกิดปัญหาน้ำหลากเข้าน้ำท่วมบ้านเรือนและเรือกสวนไร่นา ทำให้เกิดความเสียหายซ้ำซากทุกปี เนื่องจากไม่มีแหล่งเก็บกักน้ำ ทั้งนี้ หากมีการก่อสร้างอาคารบังคับน้ำ ก็จะทำให้เกษตรกรได้รับประโยชน์อย่างมหาศาล ทั้งในด้านอุปโภคบริโภคและทำการเกษตร อีกทั้งช่วยแก้ปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วมในระยะยาวอีกด้วย และในอนาคตจะต้องมีการบูรณาการบริหารจัดการน้ำร่วมกัน เพื่อตอบสนองความต้องการใช้น้ำในแต่ละพื้นที่ได้รับประโยชน์อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน ตลอดจนการวางแผนเพาะปลูกข้าวให้เร็วขึ้น ในช่วงเดือนเมษายนของทุกปี เพื่อหลีกหนีน้ำท่วม

ขณะที่นายสมาน กันทา คณะกรรมการลุ่มน้ำภาคการเกษตรลุ่มน้ำน่านภาคเหนือ (ปลายน้ำ) กล่าวด้วยว่า รู้สึกดีใจที่กรมชลฯ จะมีโครงการก่อสร้างประตูระบายน้ำบริเวณพื้นที่ท้ายน้ำลุ่มน้ำน่าน ซึ่งจะส่งผลดีต่อไปในอนาคต ช่วยให้มีปริมาณต้นทุนน้ำเพิ่มขึ้น ทั้งในด้านอุปโภคบริโภค และทำการเกษตร สามารถเพาะปลูกข้าวได้เพิ่มขึ้น ผลผลิตดีขึ้น หากข้าวราคาดีขึ้น เกษตรกรก็รวยขึ้น คุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ก็ดีขึ้นด้วย

นายชำนาญ ชูเที่ยง ผู้อำนวยการโครงการชลประทานจังหวัดพิษณุโลก

ทั้งนี้เมื่อก่อสร้างประตูระบายน้ำ 4 โครงการแล้วเสร็จ สามารถกักเก็บน้ำในลำน้ำน่านเพิ่มขึ้นอีก 142.19 ล้าน ลบ.ม. ส่งน้ำให้กับพื้นที่ทำการเกษตรสองฝั่งลำน้ำน่านในเขตพิษณุโลก-พิจิตร-นครสวรรค์ ประมาณ 129,441 ไร่ เพื่อเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะสนับสนุนการบริหารจัดการน้ำ ช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำ เป็นแหล่งน้ำอุปโภค-บริโภค รักษาระบบนิเวศลำน้ำน่าน สนับสนุนประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต