“ภูมิใจไทย”เดินเกมเลือกตั้ง 2569 เปิดตัวผู้สมัครรอบใหญ่ เสริมทัพหลายจังหวัด

เมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2568 การเมืองเริ่มเดือดก่อนถึงศึกเลือกตั้งต้นปีหน้า เมื่อพรรคภูมิใจไทยจัดประชุมใหญ่วิสามัญ พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครและนักการเมืองหลายกลุ่มที่ตบเท้าเข้าร่วมงาน โดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ระบุว่า พรรคได้ตั้งคณะกรรมการสรรหาแล้ว เพื่อเดินหน้าคัดเลือกผู้ลงสมัครในหลายพื้นที่อย่างเป็นทางการ
หนึ่งในจุดสนใจสำคัญ คือการปรากฏตัวของกลุ่มการเมืองจังหวัดเพชรบุรี นำโดยนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่พาผู้สมัครและนักการเมืองท้องถิ่นสำคัญ ได้แก่ นายกปราย นายชัยยะ อังกินันทน์ นายก อบจ.เพชรบุรี นางธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ ส.ส.เขต 1 จ.อ.อภิชาติ แก้วโกศล สส.เพชรบุรี เขต 3 เดิมสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติมาสังกัดพรรคภูมิใจไทยด้วย
โดยนาย อนุทินมั่นใจ หากทำงานร่วมกันในนามพรรคภูมิใจไทยจ.เพชรบุรีมีลุ้นครองที่นั่ง สส.มากกว่าเดิม พร้อมประกาศกลางวงสื่อว่า “ไม่มีแบ่งก๊ก แบ่งกลุ่ม มีก๊วนเดียว…ก๊วนหนูนี่แหละ”
ด้านพื้นที่ชลบุรีก็เริ่มลงตัวเช่นกัน หลัง นายสนธยาและนายวิทยา คุณปลื้ม เข้าร่วมกับพรรคภูมิใจไทยในวันนี้ด้วย ขณะที่นายสุชาติเสริมว่า การแบ่งพื้นที่ไม่ทับซ้อนกัน และทุกฝ่ายคุยกันชัดเจนแล้ว

อีกไฮไลต์ของวันคือการปรากฏตัวของนายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ที่เดินทางมาร่วมในวันประชุมพรรคภูมิใจไทด้วย ทำให้เกิดคำถามว่า นี่คือสัญญาณย้ายบ้านการเมืองหรือไม่ ซึ่งอนุทิน ตอบแบบมีนัยว่า “บางทีไม่ต้องพูดเยอะ ให้การกระทำบอกก็พอ”
นายอนุทิน ยังเผยว่า ตนกับนายวราวุธผูกพันกันมานาน ตั้งแต่สมัยนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกฯยังอยู่ และเชื่อว่าการรวมพลังจะช่วยทำประโยชน์ให้ประชาชนได้มากกว่าแยกกันเดิน ส่วนเรื่องการชิงตำแหน่งนายกฯ สมัยหน้า ไม่ฟันธง แต่ยอมรับว่า พรรคจะเตรียมชื่อแคนดิเดตมากกว่า 1 คน เพื่อความพร้อมและรองรับสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่แน่นอน
หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยยังกล่าวถึง เรื่องพันธมิตรหลังเลือกตั้งยังไม่ชัดเจน พร้อมเลือกเลี่ยงตอบด้วยการยกมือห้าม ก่อนจะเดินข้ามวงสื่อไปเปิดตัว สส.พรรคเพื่อไทยสองคนที่ยืนรออยู่ พร้อมทิ้งประโยคสั้น ๆ “ให้ภาพเล่าเรื่อง”ืพร้อมพา สส.ดังกล่าวขึ้นห้องประชุม ทิ้งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะกลางแฟลชกล้องสื่อมวลชน
บรรยากาศและสัญญาณการขยับครั้งนี้ จึงถูกจับตาว่า นี่คือจุดเริ่มต้นของศึกเงียบก่อนการเลือกตั้งที่อาจเปลี่ยนสมการทางการเมืองไทยแบบไม่ทันตั้งตัว

