ชายชราจีนผู้สูญเสียขา 2 ข้าง พิชิตยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกได้อย่างไร

ชายชราจีนผู้สูญเสียขา 2 ข้าง พิชิตยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกได้อย่างไร





Image
ad1

“หลายคนถามผมว่า ในวัยขนาดนี้ แถมยังสูญเสียขาสองข้าง ทำไมผมถึงยืนหยัดที่จะปีนยอดเขาเอเวอเรสต์อยู่” เซี่ย ป๋ออวี๋ เล่าย้อนความหลัง “คำตอบของผมง่ายมาก ผมรักการปีนเขา และการพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ได้ ทำให้เส้นทางชีวิตของผมเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง”

นักปีนเขาชาวจีนวัย 76 ปีผู้นี้ เคยต้องสูญเสียขาทั้งสองข้าง รอดชีวิตจากมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะสุดท้าย รวมถึงภาวะลิ่มเลือดอุดตันที่เป็นอันตรายถึงชีวิต จนกลายเป็นชาวจีนผู้พิการสองขาคนแรกที่พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ได้สำเร็จ

นักปีนเขาชาวจีน เซี่ย ป๋ออวี๋ ในวัย 76 ปี ขี่จักรยานฝ่าฝน (ภาพ CNR.CN)

ก่อนที่เขาจะพิชิตยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกได้ในปี 2018 เซี่ย ป๋ออวี๋ เคยพยายามพิชิตยอดเขาถึง 4 ครั้ง เผชิญอันตรายหลายครั้ง และเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่เมื่ออายุ 69 ปี เขาก็ทำฝันสำเร็จและกลายเป็นนักปีนเขาชาวจีนที่มีอายุมากที่สุดที่พิชิตยอดเขายอดเขาเอเวอเรสต์ได้ในขณะนั้น 

เซี่ยเคยเป็นนักฟุตบอลในวัยหนุ่ม ปี 1975 เมื่ออายุได้ 26 ปี เขาได้เข้าร่วมกับคณะสำรวจเขาเอเวอเรสต์เพื่อทำการวัดความสูงและวิจัยทางวิทยาศาสตร์ แต่โศกนาฏกรรมเกิดขึ้นเมื่อทีมไต่ไปถึงระดับความสูง 8,600 เมตร และต้องยกเลิกภารกิจเนื่องจากลมแรง เซี่ยสละถุงนอนของตัวเองให้เพื่อนร่วมทีมอย่างไม่ลังเล ทำให้เขาต้องสูญเสียเขาทั้งสองข้างจากหิมะกัด

หลังสูญเสียขา เซี่ยเล่าว่าเขาผ่านช่วงเวลามืดมนในชีวิต รู้สึกราวกับว่าสูญเสียทิศทางและความหมายไป แต่ความหวังก็กลับมาอีกครั้งในอีกหกเดือนต่อมา เมื่อผู้เชี่ยวชาญด้านขาเทียมบอกกับเขาว่า “คุณยังสามารถปีนเขาได้”

จากนั้นเขาเริ่มฝึกฝนอย่างเข้มข้นทุกวัน ตั้งแต่สควอทก่อนรุ่งสางพร้อมกระสอบทราย 10 กิโลกรัม การดึงข้อ วิดพื้น ซิทอัพ ปั่นจักรยานไปกลับ 18 กิโลเมตร และการปีนเขาที่สวนสาธารณะเซียงซานในปักกิ่ง

แม้จะมีอาการบาดเจ็บเรื้อรังจนเกิดมะเร็งลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลือง แต่เขากลับยิ่งมุ่งมั่น “ตราบใดที่ผมยังมีชีวิต ผมจะสู้เพื่อฝันทุกวัน แม้ไม่มีขา ผมยังเชื่อว่าตัวเองไม่แพ้ใคร และต้องการพิสูจน์ตัวเอง”

นักปีนเขาชาวจีน เซี่ย ป๋ออวี๋ ปีนขึ้นสู่ยอดเขาเอเวอเรสต์โดยใช้ขาเทียม (ภาพ CNR.CN)

ระหว่างปี 2014–2016 เขาพยายามอีก 3 ครั้ง แต่ต้องล้มเหลวเพราะภัยธรรมชาติ ทั้งหิมะถล่ม แผ่นดินไหวรุนแรง และลมพายุ จนสุดท้ายเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ค.ศ. 2018 เวลา 08:31 น. เขาก็ทำสำเร็จ

ขณะยืนอยู่บนความสูง 8,848 เมตร ท่ามกลางลมหนาว เสียงของเซี่ยดังก้องผ่านวิทยุสื่อสาร "การเดินทางนานกว่า 40 ปี! มันไม่ง่ายเลย และในที่สุดผมก็ทำได้"

"ผมเฝ้าคิดอยู่ตลอดว่าจะทำอย่างไรเมื่อถึงยอดเขาจริงๆ ผมจะตะโกนคำขวัญหรือโพสท่าให้กล้องดี แต่ในตอนนั้น ผมกลับไม่ได้ตื่นเต้นอย่างที่คิดไว้ ผมรู้สึกสงบใจอย่างน่าประหลาด" เซี่ยเล่า "ความสงบนั้นยังคงอยู่จนกระทั่งผมหยิบโทรศัพท์ดาวเทียมขึ้นมาคุยกับครอบครัว"

เขาโทรหาครอบครัว และขอบคุณภรรยาทั้งน้ำตา: "ถ้าไม่มีคุณคอยสนับสนุน ผมคงทำไม่สำเร็จ"

ปีต่อมา เซี่ยได้รับรางวัล Laureus Sporting Moment of the Year ที่โมนาโก กลายเป็นชาวจีนคนที่ 4 ที่ได้รับรางวัลนี้

ปัจจุบันในวัย 76 ปี เซี่ย ป๋ออวี๋ ยังคงปีนเขาอยู่ และตั้งเป้าหมาย “7+2” คือ พิชิตยอดเขาสูงสุดในแต่ละทวีป และเดินทางไปเยือนขั้วโลกเหนือ–ใต้ โดยเขาได้พิชิตยอดเขาเอลบรุสในยุโรป อากองกากัวในอเมริกาใต้ คิลิมันจาโรในแอฟริกา และเคยไปถึงขั้วโลกเหนือมาแล้ว

ด้วยการแบ่งปันประสบการณ์ชีวิตของเขา เซี่ย ป๋ออวี๋ หวังว่าจะช่วยให้ผู้คนมีความกล้าหาญที่จะลุกขึ้นจากความยากลำบาก และค้นพบพลังภายในที่จะก้าวต่อไปและทำความฝันให้สำเร็จ 

เขามองว่าพลังภายในของผู้สูงวัยเป็นพลังรูปแบบหนึ่งที่แตกต่างจากคนหนุ่มสาว เพราะเกิดจากประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน สะท้อนถึงความมุ่งมั่นอย่างลึกซึ้ง จิตใจที่สงบสมดุล และเต็มเปี่ยมไปด้วยปัญญาและวิจารณญาณอันล้ำค่า

นักปีนเขาชาวจีน เซี่ย ป๋ออวี๋ กล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเปิดงานวัฒนธรรมที่จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองพลังของผู้สูงวัย (ภาพ CNR.CN)

ที่มา People’s Daily Online