“เปอร์เวซ มูชาร์ราฟ” อดีตผู้นำปากีสถานถึงแก่อสัญกรรม

เปอร์เวซ มูชาร์ราฟ

“เปอร์เวซ มูชาร์ราฟ” อดีตผู้นำปากีสถานถึงแก่อสัญกรรม





ad1

05 ก.พ. 2566  สื่อของกองทัพปากีสถานออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจต่อการจากไปของพลเอกมูชาร์ราฟ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพของปากีสถาน และกลายมาเป็นประธานาธิบดีปกครองปากีสถานมานานเกือบ 10 ปี หลังจากก่อรัฐประหารยึดอำนาจและเกิดการนองเลือดในปากีสถานจากอดีตนายกรัฐมนตรีนาวาซ ชารีฟ ในปี 2542

กองทัพปากีสถาน เปิดเผยว่า พลเอกเปอร์เวซ มูชาร์ราฟ อดีตประธานาธิบดีปากีสถาน ถึงแก่อสัญกรรมแล้วที่นครดูไบ ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ด้วยวัย 79 ปี คณะนายทหารระดับสูงของปากีสถาน กล่าวในแถลงการณ์ที่เผยแพร่วันนี้ว่า ขอแสดงความเสียใจอย่างที่สุดต่อการอสัญกรรมของ พลเอกเปอร์เวซ มูชาร์ราฟ

สื่อปากีสถานรายงานว่า พลเอกมูชาร์ราฟ เสียชีวิตที่โรงพยาบาลในนครดูไบ ช่วงเช้าวันอาทิตย์ ตามเวลาท้องถิ่น ด้วยวัย 79 ปี หลังรักษาตัวมานานจากอาการป่วยเรื้อรัง

จากการเปิดเผยของแหล่งข่าวที่ยืนยันถึงการเสียชีวิตของพลเอกมูชาร์ราฟ อดีตประธานาธิบดีปากีสถาน  ยังระบุว่า                  พลเอกมูชาร์ราฟล้มป่วยด้วยโรค amyloidosis ซึ่งเป็นโรคที่พบได้ยาก และทำให้ระบบการทำงานของอวัยวะเกิดความผิดปกติ จึงทำให้พลเอกมูชาร์ราฟล้มป่วยและต้องนั่งรถเข็น

พลเอกมูชาร์ราฟ ก่อรัฐประหารในปี 1999 เป็นการยึดอำนาจโดยไม่มีการสูญเสียเลือดเนื้อ หลังจากที่นายนาวาซ ชารีฟ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นพยายามปลด พลเอกมูชาร์ราฟ ออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก หลังจากเพิ่งแต่งตั้งเขาให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกเมื่อ 1 ปีก่อนหน้านั้น เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีตั้งแต่ปี 2001-2008 โดยในช่วง 7 ปีที่เขาบริหารประเทศ ปากีสถานมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจในขณะที่เขารอดพ้นการลอบสังหารอย่างน้อย 3 ครั้ง เขามีแผนที่จะกลับมาครองอำนาจอีกครั้งในปี 2013 แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากถูกตัดสิทธิในการลงสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งผลการเลือกตั้งปรากฏว่า นายชารีฟ คู่ปรับคนสำคัญของเขาได้ชัยชนะ

ในปี 2016 ศาลยกเลิกคำสั่งห้ามพลเอกมูชาร์ราฟ เดินทางออกนอกประเทศ ทำให้เขาเดินทางไปยังนครดูไบเพื่อเข้ารับการรักษาตัว 3 ปีหลังจากนั้น เขาถูกตัดสินประหารชีวิตในความผิดฐานก่อการกบฏ แต่อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมาศาลประกาศให้คำตัดสินประหารชีวิตเขาเป็นโมฆะ