หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยประกาศชัยชนะหลังได้รับคะแนนเสียง กว่าห้าหมื่นคะแนนชนะคู่แข่งขาดลอย แนะธรรมนัสเปลี่ยนวิธีการทำงาน

วันที่ 11 ก.ค. 65 วานนี้(10 ก.ค.)ผู้สื่อข่าวรายงานผลการนับคะแนนการเลือกตั้งซ่อม สส.ลำปางเขต 4 อย่างไม่เป็นทางการโดยเบื้องต้นผลอย่างไม่เป็นทางการคือ จำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจำนวน 161,378 คน มีผู้ที่มาใช้สิทธิ์จำนวน 97,414 คน คิดเป็นร้อยละ 60.36 ส่วนผลคะแนนคือหมายเลข 1 นายเดชทวี ศรีวิชัยจากพรรคเสรีรวมไทยได้คะแนน 55,638 คะแนน หมายเลข 2 นายพลพงศ์ พงษ์สุพัฒน์ จากพรรคพลังสังคมใหม่ ได้คะแนน 2,880 คะแนน และหมายเลข 3 นายวัฒนา สิทธิวัง จากพรรคเศรษฐกิจไทย ได้คะแนน 30,451 คะแนน 
.
โดยหลังจากที่ทราบผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ได้ประกาศชัยชนะพร้อมขอบคุณทุกคะแนนเสียงของชาวลำปางที่มอบให้ พรรคเราไม่ต้องจ่ายเงินแต่เน้นการเดินหาเสียงตั้งแต่ตีห้าตลอดวันตนเองต้องลามาช่วยหาเสียง เพราะพรรคไม่มี ส.ส.เขตเลยแม้แต่คนเดียวมีแต่บัญชีรายชื่อ10 คนเท่านั้น 
.
ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ชาวลำปางมอบความไว้วางใจมอบให้พรรค ซึ่งที่ผ่านมาเลือกตั้งซ่อมที่ไหนก็แพ้มาโดยตลอดทุกสนามแต่เราก็ไม่ท้อ และในครั้งนี้ก็ถือว่าเกินความคาดหมายแต่ต้องขอโทษพี่น้องชาวลำปางเนื่องจากในพรุ่งนี้ตนเองต้องรีบเดินทางขึ้นกทม.เพื่อเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจและจะลงมาขอบคุณชาวลำปางอีกครั้งหลังวันที่ 28 เพราะต้องรอลงมติด้วยแต่ถึงจะมาช้าแต่ก็มาด้วยความจริงใจ และถือว่าเป็นครั้งและเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีของการเลือกตั้ง 
.
ส่วนร้อยเอกธรรมนัสก็ถือเป็นน้องนุ่งและรู้จักกันดีและยังเคยพูดหยอกว่าหลีกทางให้พี่ได้ไหมแต่เขาก็ไม่รับปากจนกระทั่งลงสนามเลือกตั้งก็สู้เต็มที่เช่นกันและหากร้อยเอกธรรมนัสจะเปลี่ยนวิธีการทำงานได้ก็น่าดี
.
สำหรับการเลือกตั้ง ส.ส.ลำปาง เขตเลือกตั้งที่ 4 ในครั้งนี้ มีจำนวน 386 หน่วย มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 161,378 คน ใน 5 อำเภอ ตอนใต้ของ จ.ลำปาง ประกอบด้วย อ.เสริมงาม , เกาะคา , สบปราบ , เถิน และแม่พริก มีผู้สมัคร 3 คน จาก 3 พรรคการเมือง ประกอบด้วย หมายเลข 1 นายเดชทวี ศรีวิชัย อายุ 54 ปี อดีตรองนายกเทศมนตรีเทศบาลเวียงมอก และสมาชิกสภาเทศบาลเวียงมอก ลงสมัครในนามพรรคเสรีรวมไทย , หมายเลข 2 นายพลพงศ์ พงษ์สุพัฒน์ อายุ 56 ปี พรรคพลังสังคมใหม่ และหมายเลข 3 นายวัฒนา สิทธิวัง อายุ 65 ปี พรรคเศรษฐกิจไทย ซึ่งเป็น ส.ส.เดิมในเขตนี้ โดยก่อนหน้านั้นสังกัดพรรคพลังประชารัฐ และถูกพรรคขับออกมา ก่อนย้ายมาสังกัดพรรคเศรษฐกิจไทย