สัณหพจน์ ซัด ออกกฎหมายนิรโทษกรรมเครือญาติ เลวร้ายกว่าปฏิวัติ

สัณหพจน์ ชี้ ออกกฎหมายนิรโทษกรรมเครือญาติ เลวร้ายกว่าปฏิวัติ

สัณหพจน์ ซัด ออกกฎหมายนิรโทษกรรมเครือญาติ เลวร้ายกว่าปฏิวัติ





ad1

21 ก.ค. 2565  นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ ระบุถึงกรณีที่มีการโจมตีถึงความไม่เหมาะสมในพฤติกรรมของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในการชี้แจงการอภิปรายไม่ไว้วางใจของพล.อ.ประวิตร เรื่องการปฏิวัติ ว่า

ต้องยอมรับว่าการปฏิวัติเป็นสิ่งที่เลวร้ายต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย  แต่หากการปฏิวัติมีเหตุผลเพื่อทำให้ระบอบประชาธิปไตยของประเทศเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นในยุคที่มีการทุจริตคอร์รัปชันก็จำเป็นต้องทำ เพื่อลดปัญหาความเหลื่อมล้ำของสังคม ชี้การออกกฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งพ้นผิด และการกินรวบอำนาจทางการเมืองของเครือญาติเพียงครอบครัวเดียว เป็นการกระทำนี้ที่เลวร้ายกว่าการปฏิวัติ

หากย้อนกลับไปในปี 2557 เป็นยุคที่ประชาธิปไตยในประเทศไทยเริ่มเกิดการสั่นคลอน ประชาชนไม่พอใจในรัฐบาลซึ่งเกี่ยวข้องกับการทุจริต คอรัปชั่นในการบริหารประเทศเพื่อเอื้อต่อพวกพ้องของตนเอง ออกกฎหมายนิรโทษกรรมเพียงเพื่อให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งพ้นผิด และการกินรวบอำนาจทางการเมืองของเครือญาติเพียงครอบครัวเดียว ส่งผลให้เกิดการชุมนุมทางการเมืองและส่งผลกระทบต่อเนื่องของประเทศในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ อยากให้ย้อนมองกลับไปถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้นที่รัฐบาลบริหารประเทศกินรวบอำนาจการเมืองเป็นของตระกูลเดียว โดยเตรียมออกกฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับเครือญาติ ซึ่งเรื่องนี้เป็นรอยด่างพร้อยของระบอบประชาธิปไตยที่ยังคงฝังอยู่ในใจของคนภาคใต้ หรือคดีจำนำข้าว ที่บ่งบอกถึงการทุจริตคอรัปชั่น ส่งผลกระทบต่อประเทศและประชาชนทั่วประเทศ ต้องยอมรับว่าการปฏิวัตินั้น เป็นเรื่องที่เลวร้าย แต่เพราะบ้านเมืองกำลังประสบปัญหา ดังนั้นการปฏิวัติจึงเหมือนการรีเซ็ตระบบประชาธิปไตยใหม่