นายอำเภอเบตงรับมอบตัวนักโทษคดีอาวุธสงครามยาเสพติด ติดโควิด-19

นายอำเภอเบตงรับมอบตัวนักโทษคดีอาวุธสงครามยาเสพติด ติดโควิด-19





ad1

ยะลา – กรณีนักโทษคดีอาวุธสงครามและยาเสพติด ที่ติดเชื้อโควิด-19 และได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเบตง ได้หลบหนี ออกจากตึกผู้ป่วยโควิด-19 ภายหลังจากเจ้าหน้าที่เร่งติดตามตัวจนเมื่อช่วงดึกแหล่งข่าวแจ้งมาว่าผู้ต้องขังต้องการมอบตัวกับนายอำเภอเบตง เพราะเชื่อมั่นในความยุติธรรมที่ยังมีอยู่

เมื่อวันที่  23 ต.ค.64 นายเอก   ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอเบตง  ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกรณีนายมะแอ สาแม อายุ 43 ปี ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรเบตง เข้าจับกุมในคดีอาวุธปืนสงครามเอ็ม 16 พร้อมเครื่องกระสุนปืนขนาด 5.56 มม. จำนวน 145 นัด และยาไอซ์อีกจำนวนหนึ่ง ที่บริเวณ ร้านขายเสื้อผ้ามือสองไม่มีเลขที่ ริมถนนนาคราชบำรุง ในเขตเทศบาลเมือเบตง เมื่อวันที่ 24 ต.ค.62 ที่ผ่านมาและได้ถูกศาล ตัดสินจำคุก 4 ปี 8 เดือน 23 วัน ภายหลังจากฟังคำตัดสินได้เข้ากระบวนการตรวจเชื้อโควิด-19 ผลออกมาเป็น บวก เจ้าหน้าที่จึงนำตัวเข้ารักาตัวที่ รพ.เบตงต่อมาได้หลบหนีออกจากโรงพยาบาลเมื่อช่วงเช้าประมาณตี 5 ของ วันที่ 23 ต.ค.64 ที่ผ่านมา

ต่อมานายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอเบตง ซึ่งได้รับการประสารจากแหล่งข่าวในพื้นที่ต.ยะลา ให้มารับนายมะแอ ในพื้นที่จ.ยะลา ต่อมาในวันนี้ เวลา 11.30 น.นายอำเภอเบตง ได้เดินทางออกจาก อำเภอเบตง เมื่อช่วงเช้า พร้อมกำลัง อส. ตำรวจภูธรเบตง เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ เดินทางไปยังจุดนัดหมาย ที่แหล่งข่าวแจ้งมา จึงวางแผนเพื่อป้องกันการหลบหนีและตอบโต้ เนื่องจากผู้ต้องขังมีพฤติกรรมก้าวร้าว ก่อนถูกดำเนินคดี มีชาวบ้านในพื้นที่หมู่ที่ 5 บ้านราโมง ต.ยะรม แจ้งว่า เวลามาเก็บเงินค่ายาเสพติด(ไอซ์)ไม่ได้ก็จะใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ยิงขู่ หน้าบ้านลูกค้า มาตลอดเป็นที่เอือมระอาของชาวบ้านในพื้นที่

ส่วนสาเหตุที่หลบหนีนายมะแอ อ้างว่า ต้องการความยุติธรรม เนื่องจากศาลชั้นต้นตัดสินในเป็นคดีจำหน่ายยาไอซ์ ต่อมาได้อุทธรณ์ออกมาและได้มาฟังคำตัดสินและได้ถูกศาล ตัดสินจำคุก 4 ปี 8 เดือน 23 วัน ในข้อหาจำหน่ายยาบ้า ซึ่งในความจริง ผมได้ปฏิเสธว่าจำหน่ายยาไอซ์  แต่ผมยอมรับว่าผมเสพ แต่ผมไม่ได้จำหน่าย แต่พอมาฟังคำตัดสินกลับกลายเป็นว่าผมสารภาพทุกข้อกล่าวหา และได้ถูกตัดสินในข้อหาจำหน่ายยาบ้าซึ่งในวันเกิดเหตุไม่มียาบ้าซักเม็ด นอกจากนี้ผมยังต้องไปกู้เงินมาสู้คดีเพื่อนำเงินที่กู้ไปประกันตัวออกมา จนมาถูกตัดสินดังกล่าว อีกอย่าง หากผมติดคุกไป ไม่มีใครที่จะมาหาเงินเลี้ยง ลูก เมีย และเมียก็พึ่งทำงาน ได้วันละ 280 บาท และต้องผ่อนเงินเดือน 4,500 บาท แต่พอผมมาถูกจับใครจะหา เงินที่กุ้มาเจ้าของเงินบอกว่า หากไม่จ่ายภายใน 2 เดือนก็จะปรับยอดเงินหากผมติดคุก 5 – 6 ปี เงินก็จะปรับยอดเป็น หกแสนบาท 

ด้านนายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอเบตง ได้พูดคุยกับนายมะแอ ว่าจะดูแล และจะไปพูดคุยกับเจ้าของเงินให้ยืดระยะเวลาไปก่อน เพื่อเป็นการทุเลาในการต้องรีบหาเงินมาคืนภายหลังจากนายมะแอ ยอมรับตามที่นายอำเภอเบตงว่าจะดูแลในทุกด้าน เมื่อเข้าไปในเรือนจำจะไม่ถูกทำร้าย ส่วน เรื่องเงินก็จะไปเจรจา ต่อรองให้ จึงได้นำตัวจากพื้นที่ จ.ยะลา นำตัวมาที่ รพ.เบตง โดยมีลูก 3 คน มารอรับพ่อ ขณะเดียวกัน นายมะแอ ผู้ต้องขัง บอกกับลูกว่า ดูแลน้องด้วย ส่วนแม่ ต้องรอผลตรวจว่าติดเชื้อหรือไม่ ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายมะแอ และ ภรรยาเข้าห้องตรวจเชื้อก่อนนำตัวไปรักษาต่อที่ตึกโควิด โรงพยาบาลเบตงต่อไป

ก่อนเกิดเหตุ จากการสืบสวนของตำรวจชุดสืบ สภ.เบตง  ทราบว่า หลังจากที่ได้หลบหนีออกจากโรงพยาบาลแล้วโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับสัญญาณโทรศัพท์ที่ติดต่อกับญาติได้ในพื้นที่อำเภอบันนังสตาเจ้าหน้าที่จึงรุด แต่ปรากฏว่า หายตัวไม่พบ ส่วนสัญญาณโทรศัพท์หายไป  จนต่อมาในเวลา 22.30 น.ของคืนวันที่ 23 ต.ค.ได้มีแหล่งข่าว ในพื้นที่ยะลาแจ้งมาว่านายมะแอ ผู้ต้องขังที่หลบหนี ต้องการมอบตัวกับนายอำเภอเบตงคนเดียว จึงได้วางแผนและไปรับตัวกลับมารักษาตัวดังกล่าว จนกว่า การติดเชื้อโควิดหายจึงนำเข้าเรือนจำอำเภอเบตง ต่อไป 

เจษฎา สิริโยทัย อ.เบตง จ.ยะลา