รองโฆษกพรรคประชาชาติจี้ทหารใช้กฎอัยการศึกต้องโปร่งใส

รองโฆษกพรรคประชาชาติจี้ทหารใช้กฎอัยการศึกต้องโปร่งใส





ad1

นราธิวาส-'มูฮัมหมัดรุสดี’ รองโฆษกพรรคประชาชาติ แนะ ปฏิบัติการทางทหารภายใต้กฎอัยการศึก ต้องโปร่งใสตรวจสอบได้ เพื่อลดความสูญเสีย

นายมูฮัมหมัดรุสดี เชคฮารูณ รองโฆษกพรรคประชาชาติ ได้ลงพื้นที่สังเกตการณ์เหตุการณ์ที่กองกำลังทหารพรานนำกำลังเข้าปิดล้อมบ้านพักของบุคคลเป้าหมายของฝ่ายความมั่นคง 2 คน ทราบชื่อคือนายอับดุลฮากัม อาแว และนายมะตอฮา ยูนุ ที่บ้านเช่าหลังหนึ่ง ในหมู่บ้านบาโงระนะ ต.มะรือโบตก อ.ระแงะ จ.นราธิวาส  หลังมีข่าวว่าเกิดการยิงปะทะกันตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 15.00 น. ของวันที่ 28 มกราคม 2565 จนล่วงเลยมาถึงวันที่ 29 มกราคม 2565 จึงได้ลงพื้นที่มาสังเกตการณ์ เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริง

นายมูฮัมหมัดรุสดี กล่าวว่า ทันทีที่มาถึงบ้านบาโงระนะ ได้รีบไปพูดคุยกับครอบครัวของนายอับดุลฮากัม อาแว หนึ่งในผู้ที่ถูกทหารพรานวิสามัญฆาตกรรม ซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ด้านหลังสำนักงานเทศบาลตำบลมะรือโบตก โดยบิดา มารดา และภรรยา ของนายอับดุลฮากัมอยู่ในอาการตกใจและเศร้าเสียใจหลังทราบว่าทั้งสองได้เสียชีวิตแล้ว แต่ยังไม่สามารถนำศพออกมาได้ และร้องขอให้รีบนำศพออกมาประกอบพิธีทางศาสนา ผมจึงได้ช่วยเจรจากับพันเอกอิศรา จันทะกระยอม ผู้บังคับการกองกำลังทหารพรานจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขอให้ครอบครัวและสื่อมวลชนได้เข้าไปดูสภาพบ้านและสภาพของผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุก่อนที่จะนำร่างออกมา และรีบนำศพไปประกอบพิธีทางศาสนา แต่ถูกปฏิเสธให้รอรับศพที่โรงพยาบาล

นายมูฮัมหมัดรุสดี ได้ร่วมพูดคุยกับผู้บังคับการกองกำลังทหารพรานฯ และครอบครัวผู้เสียชีวิต โดยผู้บังคับการกองกำลังทหารพรานฯกล่าวขอโทษต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตที่เกิดความสูญเสียขึ้น ซึ่งตนได้พยายามใช้การเจรจาให้มอบตัวแล้วแต่ไม่เป็นผล โดยชี้แจงว่าฝ่ายความมั่นคงมีกำลังและอุปกรณ์พร้อมที่จะจัดการให้เสร็จภายใน 2 ชั่วโมง แต่ไม่ทำ ยังเปิดโอกาสให้ออกมามอบตัว 

ภรรยาของทั้งสองคนที่อยู่ในบ้านด้วยกันก่อนถูกปิดล้อม เป็นพยานปากสำคัญในเรื่องนี้ ซึ่งภรรยาบอกว่าทั้งสองคนให้ออกจากบ้านมาก่อนเพื่อความปลอดภัยของเธอ แต่เมื่อเธอออกมาก็มีกระสุนปืนยิงเข้ามา ไม่ทราบว่ามาจากทางไหน เธอหลบกระสุนปืนที่สาดใส่ และเริ่มมีการต่อสู้กัน ซึ่งผู้บังคับการกองกำลังทหารพรานฯ พยายามชี้แจงว่าเป็นกระสุนที่ถูกยิงออกมาจากข้างในบ้าน จึงยิงปะทะกันไปมา และการเจรจายังคงดำเนินต่อไปให้ออกมามอบตัวโดยให้ตัวแทนผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่น และครอบครัวเจรจา แต่ไม่เป็นผล 

นายมูฮัมหมัดรุสดี กล่าวอีกว่า มีเสียงระเบิดดังขึ้นสองครั้ง ก่อนที่เสียงปืนจะสงบลงในช่วงเวลาประมาณ 11.30 น. ซึ่งเชื่อว่าทั้งสองคนน่าจะเสียชีวิตแล้ว ตำรวจชุดพิสูจน์หลักฐานจึงเข้าพื้นที่เพื่อเก็บรวบรวมวัตถุพยานในที่เกิดเหตุ แต่สิ่งที่น่าแปลกใจคือ เหตุใดถึงไม่ยินยอมให้ผู้สื่อข่าวบันทึกภาพในบริเวณที่เกิดเหตุ มีการขึงตาข่ายพลาสติกสีดำป้องกันไม่ให้มองเห็นข้างใน และไม่ยินยอมให้มีตัวแทนอิสระจากภาคส่วนต่างๆเข้าสังเกตการณ์ แม้เหตุการณ์จะสงบลงแล้ว ซึ่งเรื่องนี้สำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะปฏิบัติการทางทหารภายใต้กฎอัยการศึกที่ทหารมีอำนาจพิเศษ ต้องสามารถตรวจสอบกระบวนการทำงานได้ ซึ่งหากการทำงานโปร่งใส ไม่มีอะไรหมกเม็ดหรือปกปิด ต้องยินยอมให้มีตัวแทนองค์กรอิสระเข้าสังเกตการณ์เพื่อความโปร่งใสในการทำงาน และสำคัญอย่างยิ่งคือเพื่อความสบายใจของพี่น้องประชาชน เพราะต้องยอมรับว่าประชาชนไม่ไว้ใจทหาร 

เวลาประมาณ 15.00 น. เริ่มมีญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตและประชาชนในพื้นที่ มารวมตัวกันที่ปากทางเข้าที่เกิดเหตุ เพื่อร้องขอให้รีบนำศพออกไปประกอบพิธีทางศาสนา ตามหลักการศาสนาอิสลามต้องประกอบพิธีฝังศพให้เสร็จก่อนครบ 24 ชั่วโมงของการเสียชีวิต ซึ่งขณะนั้น ได้ครบ 24 ชั่วโมงของการปะทะกันแล้ว ชาวบ้านจึงเริ่มแสดงอาการไม่พอใจ และสงสัยว่าเหตุใดถึงยืดเยื้อเวลา ไม่รีบนำศพออกมาจากที่เกิดเหตุ

กระทั่งเวลา 16.00 น. รถพยาบาลทหาร ได้นำศพผู้เสียชีวิตออกมาจากจุดเกิดเหตุไปยังโรงพยาบาลระแงะ เพื่อพิสูจน์ศพ ขณะนั้นชาวบ้านได้ตะโกนอัลลอฮุอักบัร เป็นคำกล่าวสรรเสริญพระเจ้า และมีมวลชนจำนวนมากตามไปที่โรงพยาบาลด้วย ทหารพรานได้ควบคุมประตูทางเข้าโรงพยาบาล โดยไม่อนุญาตให้ใครเข้าโรงพยาบาลได้ในขณะนั้น และต่อมาเวลา 18.00 น. รถกู้ภัยจากมูลนิธิอาสากู้ภัย ได้นำศพทั้งสองคนเคลื่อนไปที่กุโบร์ โดยนำศพนายมะตอฮา ยูนุ ไปที่กุโบร์บ้านแคนา ต.บางปอ อ.เมือง จ.นราธิวาส และนำศพนายอับดุลฮากัม อาแว ไปที่กุโบร์บ้านอาแว ต.มะรือโบตก อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เพื่อประกอบพิธีฝังศพ โดยไม่อาบน้ำศพตามแนวทางแบบชะฮีดหรือผู้พลีเพื่อแนวทางศาสนา ซึ่งมีผู้คนมาร่วมกันเคารพศพจำนวนมาก ขณะเคลื่อนศพไปที่กุโบร์ มีการตั้งแถวยืนตรงตะเบ๊ะทำความเคารพศพคล้ายทหาร ผู้คนต่างตะโกนสรรเสริญพระเจ้าเสียงดังไปตลอดทางที่มุ่งหน้าสู่กุโบร์ การประกอบพิธีฝังศพเสร็จสิ้นในเวลา 19.00 น. 

นายมูฮัมหมัดรุสดี กล่าวทิ้งท้ายว่า ทุกฝ่ายต้องเรียนรู้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ว่าทำไมผู้คนถึงยกย่องสรรเสริญต่อผู้เสียชีวิต หากย้อนไปดูประวัติของผู้เสียชีวิตทั้งสองจะเห็นได้ว่าเขาเป็นนักสู้ ที่ต่อสู้กับอำนาจเผด็จการทหารเสมอมา เขาไม่ใช่โจรที่ไปปล้นขโมยทรัพย์สินใคร แต่เขาสู้กับกองกำลังของรัฐ ซึ่งต้องถามทุกคนว่า เขาสู้ทำไม? ในมุมของฝ่ายความมั่นคงอาจเรียกเขาว่า ‘โจร’ แต่ในมุมของประชาชนเขาคือ ‘ผู้พลี’ ที่สละชีวิตต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีและมาตุภูมิ