จนท.ทับลานสนธิป่าไม้เร่งผลักดันช้าป่าขาอ่างฤาไนกลับคืนถิ่น(ชมคลิป)

จนท.ทับลานสนธิป่าไม้เร่งผลักดันช้าป่าขาอ่างฤาไนกลับคืนถิ่น(ชมคลิป)





ad1

ปราจีนบุรี–ระวังภัย!ชาวบ้านตระหนกช้างป่าเขาอ่างฤาไนบุกกลางหมู่บ้านอีก  หลังจากเพิ่งเหยียบชาวบ้านตายเผาเสร็จเมื่อวานนี้!   ขณะอุทยานแห่งชาติทับลาน สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 (ปราจีนบุรี)ส่งเจ้าหน้าที่ป่าไม้ร่วมผลักดัน-บูรณาการร่วมกับชาวบ้านและหลายหน่วยงานให้ช้างป่ากลับคืนถิ่นช่วงค่ำนี้ 

เมื่อเวลา22.00 น.วันนี้  28 กุมภาพันธ์ 2565 ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ปราจีนบุรีรายงานว่าได้รับแจ้งจาก   นายประวัติศาสตร์ จันทร์เทพหัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลาน  กล่าวว่า   “   อุทยานแห่งชาติทับลานได้รับการประสานจากองค์การบริหารส่วนตำบลเขาไม้แก้ว  (อบต.) อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี   มีช้างป่าจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน แปดริ้ว หรือ จ.ฉะเชิงเทรา ที่มีพื้นที่ติดต่อกัน  ข้ามฝั่งเข้ามาหากิน ฝั่งพื้นที่   ในพื้นที่เกษตรกรรมของราษฎรท้องที่ คุ้มบ้านสวน-อ่างปลากั้ง  หมู่ 1 และหมู่ 3 ตำบลเขาไม้แก้ว อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี

ทางอุทยานแห่งชาติทับลาน     จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่สายตรวจส่วนกลาง    เข้าค้นหาและผลักดันช้างป่า   ร่วมกับเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน, เจ้าหน้าที่กรมการปกครอง และ   ราษฎรอาสาสมัคร    โดยสามารถผลักดันช้างป่าข้ามทางหลวงหมายเลข 359 หรือสายสระแก้วตัดใหม่ (สระแก้ว –พนมสารคาม) ช่วงกม.48-49  ได้เมื่อช่วงค่ำนี้   เวลาประมาณ 19:00 น. และ   เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน   ได้ดำเนินการต่อในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่มาที่    คุ้มบ้านสวน-อ่างปลากั้ง ต.เขาไม้แก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี    พบว่าชาวบ้านต่างตื่นตระหนก – ตกใจเมื่อเห็นช้างป่าจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน จ.ฉะเชิงเทรา (ในพื้นที่ป่าราบต่ำผืนสุดท้ายในเขตป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก จ.ฉะเชิงเทรา,จ.สระแก้ว,จ.ชลบุรี,จ.จันทบุรี และ จ.ระยอง)  เดินผ่านเข้ามาในหมู่บ้านตนเอง   ไม่ต่างกับช้างบ้าน    มันเดินอย่างสง่าผ่าเผย   อารมณ์ดีหูโบกสะบัด หางแกว่างไกว    ไม่สนใจใครเพราะคุ้นเคยพื้นที่ ที่มักเข้า-ออกมาหากินเกือบเป็นที่อยู่ประจำแล้ว   ซึ่งเมื่อล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 ก.พ.65 เพิ่งมีพิธีฌาปนกิจศพ นางสุทา ศรีลาลัยอายุ อายุ 73 ปีชาวบ้านเขาไม้แก้ว หมู่ 4 ต.เขาไม้แก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี    ที่ออกไปหาเก็บผักแต้ว และ ดอกกระเจียวป่า    แต่ถูกช้างสีดอชื่อไอ้โหนกอายุราว 25 ปี  ช่างป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน   ที่ข้ามเขตมาหากิน จ.ปราจีนบุรี   เหยียบตายคาที่   ส่วนนางประสงค์ พรหมชาติ อายุ67 ปีเพื่อนบ้านที่ไปด้วยกันอีกคนรอดชีวิตเพราะนั่งลงนิ่ง ๆ ยกมือไหว้ขอชีวิต   

ผู้คนในหมู่บ้านที่พบช้างป่าเข้ามาเดินในหมู่บ้าน   เห็นแล้วต่างร้องตะโกนบอกต่อ ๆ ให้ลูกหลานเข้าบ้าน   ระวัง-เตือนภัย!ว่าช้างกำลังเดินผ่านบ้าน    ญาติที่อยู่ไม่ห่างกันมากนัก เกรงว่าช้างป่าจะทำร้ายชาวบ้านเสียชีวิตอีก    หลังจากที่ช้างป่าอ่างฤาไนเคยทำร้ายชาวบ้านในตำบลเดียวกันเสียชีวิตขณะออกไปหาเก็บผักท้ายหมู่บ้านเมื่อ 4 วันที่ผ่านมา  ตามที่ได้เสนอรายละเอียดไปเมื่อเร็ว ๆ นี้   นั้น

นายสมิง    คุณชิน ชาวบ้านคุ้มบ้านสวน   ผู้พบเห็นกล่าวว่า    “  เมื่อเช้านี้    ขณะที่เตรียมตัวกำลังจะออกไปรับนักเรียนไปส่งที่โรงเรียน    ขณะนั้นได้มองเห็นช้างป่าตัวขนาดใหญ่   กำลังเดินผ่านชายคาบ้านของเพื่อนบ้าน    ตรงมาทางบ้านของตนและลูกสาว    จึงร้องตะโกนบอกให้ลูกและหลานเข้าบ้านเพื่อความปลอดภัย!

ยอมรับว่าตอนเห็นช้างรู้สึกตกใจและกลัวมาก   ตนกับลูกสาวได้ถ่ายคลิปช้างเอาไว้ได้ทัน     เพื่อให้ผู้นำหมู่บ้านได้ดูและแจ้งเจ้าหน้าที่ป่าไม้รับทราบ  เพื่อที่จะมาเร่งผลักดันช้างป่า    ออกจากหมู่บ้าน   เกรงเกิดอันตราย กับผู้คน  

 ทุกวันนี้ ชาวบ้านยังไม่หายกลัวที่ช้างป่าทำร้ายชาวบ้านเสียชีวิต   ขณะออกไปหาเก็บของป่า      ชาวบ้านไม่กล้าที่จะออกไปไร่ไปสวน    ไม่รู้ว่าจะเจอช้างป่าที่แตกฝูงจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน จ.ฉะเชิงเทรา     มาอาศัยหากินข้างหมู่บ้านหรือไม่ ?

อยากฝากถึงเจ้าหน้าที่ชุดผลักดันช้างป่า    ผลักดันช้างป่าออกไปให้หมด   เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของชาวบ้าน”  นายสมิง    กล่าว

ด้านนายสุนทร  คมคาย แกนนำกลุ่มเกษตรกรอินทรีย์ ต.เขาไม้แก้ว กล่าวว่า  “ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา – ตลอดทั้งวันนี้ ช้างป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน  จ.ฉะเชิงเทรา   ได้ข้ามเขตจากฝั่ง จ.ฉะเชิงเทรา ข้ามมาในพื้นที่ หมู่ 1 บ้านนาคลองกลาง(บ้านสวน) และบ้านอ่างปลากั้ง     หมู่ 3 ตำบลเขาไม้แก้ว อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี  โดยเป็นคนละตัวกับช้างสีดอชื่อไอ้โหนก ที่มาก่อเหตุเหยียบชาวบ้านตายขณะกำลังหาของป่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ เพิ่งเผาศพไปเมื่อวานนี้(27ก.พ.) 

เกรงว่าช้างป่าอาจทำให้เกิดอันตรายต่อทรัพย์สิน หรือ ชีวิตชาวบ้าน  โดยเฉพาะพื้นที่หมู่ 1 นั้นมีฟาร์มไก่ของชาวบ้านขนาดใหญ่หลายฟาร์ม   ช้างป่าอาจได้กลิ่นอาหารแล้วอาจบุกทำลายได้  เพราะก่อนหน้า  หลายหมู่บ้านที่ช้างป่าบุกไปทำลายยุ้งฉางขโมยข้าวเปลือก ,ลงหากินในนาข้าวที่กำลังเก็บเกี่ยว,ทำลายที่อยู่ หรือ ผลผลิตทางการเกษตร  อยากให้ทุกภาคส่วนเห็นความสำคัญ   ไม่ให้เกิดความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างป่า”นายสุนทร  กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติม  ช้างป่าจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน  (ในพื้นที่ป่าราบต่ำผืนสุดท้ายในเขตป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก จ.ฉะเชิงเทรา,จ.สระแก้ว,จ.ชลบุรี,จ.จันทบุรี และ จ.ระยอง)  มักข้ามเขตเข้ามาหากินในฝั่ง จ.ปราจีนบุรีตั้งแต่เมื่อ10กว่าปี มาไม่กี่ตัว   แต่มาแล้วมักกลับคืนถิ่น   แต่ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา  ได้ข้ามฝั่งมา จ.ปราจีนบุรีบ่อยครั้ง และเพิ่มปริมาณ โดยยกโขลงมามากสุดนับ100ตัว  และมักมาอยู่นาน ๆ จนเกือบเป็นสัตว์ประจำถิ่น  ทั้งนี้  คาดว่าเนื่องจากประชากรช้างป่าในพื้นในป่าราบต่ำผืนสุดท้าย   มีเพิ่มสูง ขณะที่หาอาหาร แหล่งน้ำ ที่อยู่จำกัด  เมื่อข้ามฝั่งมา จ.ปราจีนบุรีโดยเฉพาะ อ.ศรีมหาโพธิ อ.กบินทร์บุรี เกษตรปลูกพื้นไร่หลากหลาย ทั้งไร่มันสำปะหลัง ไร่สัปปะรด,ไร่อ้อย ไร่ข่าวโพด  มีแหล่งน้ำสมบูรณ์  จึงมาประจำ

เคยเกิดความขัดแย้ง- อันตราย อาทิ ช้างป่าถูกชนขณะข้ามถนนสาย359 หรือสระแก้วตัดใหม่ (สระแก้ว-พนมสารคาม) อ.ศรีมหาโพธิ ได้รับบาดเจ็บงาหัก  ,ลูกช้างป่าถูกรถยนต์ชนไส้แตกทะลักตายคาถนนสาย359 หรือสระแก้วตัดใหม่ (สระแก้ว-พนมสารคาม) อ.ศรีมหาโพธิ  ขณะกำลังข้ามฝั่ง จากฉะเชิงเทรามา จ.ปราจีนบุรี  ,ช้างป่าเหยียบชาวบ้านตายที่ อ.ศรีมหาโพธิ ,ช้างป่าบุกขโมยข้าวเปลือกยุ้งฉางเกษตรกร ,ช้างป่าถูกไฟฟ้าช็อตตายในหมู่บ้าน อ.กบินทร์บุรี   และ  ล่าสุด  เหยียบชาวบ้านตายขณะหาใบแต้ว และดอกกระเจียวที่ป่าชุมชน  


มานิตย์    สนับบุญ- รายงาน/ทองสุข  สิงห์พิมพ์-ภาพ