"บิ๊กตู่"อ้อนแรงงานยันไม่เคยทิ้งไว้อยู่ข้างหลัง-ย้ำแก้ค้ามนุษย์พ้นเทียร์2

"บิ๊กตู่"อ้อนแรงงานยันไม่เคยทิ้งไว้อยู่ข้างหลัง-ย้ำแก้ค้ามนุษย์พ้นเทียร์2





ad1

นายกรัฐมนตรีควง"บิ๊กป้อม"เปิดงานวันแรงงานแห่งชาติปี 65 ย้ำ รัฐบาลไม่เคยลืมแรงงาน ขอรักสามัคคี มีสถาบันยึดเหนี่ยวจิตใจ ย้ำแก้ค้ามนุษย์ให้พ้นเทียร์ 2
 
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานเปิดงานวันแรงงานแห่งชาติ 1 พฤษภาคม โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณรองนายกรัฐมนตรี และนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ตลอดจนผู้ใช้แรงงานมาร่วมงานด้วย

โดยนายกรัฐมนตรี ได้รับข้อเรียกร้องวันแรงงานแห่งชาติในปีนี้ ทั้ง 8 ข้อ ได้แก่

1. ให้รัฐบาลรับรองอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่าง ประเทศ ฉบับที่ 87 ว่าด้วยเสรีภาพในการสมาคม และการคุ้มครองสิทธิในการรวมตัว และฉบับที่ 98 ว่าด้วยสิทธิในการรวมตัวและการร่วมเจรจาต่อรอง

2. ให้เร่งดําเนินการนําร่างพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. …. ฉบับแก้ไขเพิ่มเติมที่ผ่านประชาพิจารณ์มาแล้ว เข้าสู่กระบวนการพิจารณาในรัฐสภาฯ โดยเร่งด่วน

3.ให้ขยายวงเงินเพื่อลดหย่อนภาษีเงินได้ที่ลูกจ้างได้รับก้อนสุดท้ายตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541

4.ปรับปรุงพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541

5.ให้รัฐบาลปฏิรูป แก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกันสังคม

6.เร่งรัดออกกฎหมายคุ้มครอง ส่งเสริมและพัฒนา คุณภาพแรงงานนอกระบบ และมีสิทธิจัดตั้งองค์กรได้

7.ให้จัดระบบกองทุนสวัสดิการเพื่อการเลี้ยงชีพให้กับลูกจ้าง ภาครัฐวิสาหกิจ

8.แต่งตั้งคณะทํางานติดตามข้อเรียกร้องวันแรงงานแห่งชาติ ปีพ.ศ. 2565

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ดีใจที่ได้มาเปิดงานวันนี้ ยืนยันว่าไม่เคยทอดทิ้งแรงงาน และในโอกาสวันแรงงานแห่งชาติ ก็จะเป็นโอกาสดีที่ให้ทุกคนได้ตระหนักถึงสิทธิและความปลอดภัยของพี่น้องแรงงาน ย้ำว่า ต้องดูแลทุกคนอย่างทั่วถึง ตนทราบดีว่า แรงงานคือกำลังหลักที่ทำให้ประเทศเข้มแข็งมาถึงทุกวันนี้ ยอมรับว่า ที่เป็นห่วงคือชีวิตความเป็นอยู่และรายได้ของแรงงาน

ซึ่งรัฐบาลก็พยายามดูแลทั้งแรงงานและผู้ประกอบการในช่วงสถานการณ์โควิด-19 และขณะนี้ก็เกิดสถานการณ์ความขัดแย้งในโลกใบนี้ ซึ่งกระทบกับทุกห่วงโซ่การผลิตเพราะวัตถุดิบต้องมาจากหลายประเทศ เมื่อมีสถานการณ์ขัดแย้งก็ต้องเตรียมมาตรการอื่นไว้รองรับด้วย และที่สำคัญประเทศกำลังจะเผชิญกับการขาดแคลนแรงงานเพราะกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างเต็มรูปแบบด้วย

พร้อมยอมรับว่า เวลานี้ค่าใช้จ่ายของแรงงานก็เกิดปัญหาเงินเฟ้อ รัฐบาลจึงระมัดระวังมากที่สุดเพื่อไม่ให้มากจนเกินไป ย้ำว่า รัฐบาลไม่ทิ้งแรงงาน แต่ได้หารือ

กับรองนายกฯและรัฐมนตรีมาตลอดว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร สิ่งสำคัญที่สุดคือ การพัฒนาฝีมือแรงงาน ประเทศไทยยังส่งสินค้านวัตกรรมเดิมๆ จึงเร่งเดินหน้า

ใช้เทคโนโลยีในการผลิต ใช้นวัตกรรมเข้ามา ส่งเสริมการลงทุน

“แม้ว่าจะมีสงคราม แต่เชื่อมั่นว่าพวกเราจะรักและสามัคคี เพราะรัฐบาลเดินเพียงลำพังไม่ได้ ท่านก็เดินคนเดียวไม่ได้ ทุกคนต้องช่วยกัน ที่สำคัญมีสถาบันเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจและศูนย์รวมของคนทั้งประเทศ”

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า สิ่งที่ดีที่สุดคือ รักและสามัคคี พัฒนาตัวเอง ทุกคนต้องร่วมมือกัน ส่วนตัวยินดีรับข้อเรียกร้องทั้ง 8 ข้อไปพิจารณา ทั้งนี้ สิ่งสำคัญคือ

การหารายได้เข้าประเทศ แต่ยืนยันว่า รัฐบาลไม่เคยลืมแรงงาน ส่วนการคุ้มครองแรงงาน กำลังพิจารณากันอยู่ ย้ำว่า ไม่ทอดทิ้งประชาชน อะไรที่ทำให้ได้ จะทำให้เต็มที่

ในส่วนของแรงงานต้องพัฒนาฝีมือให้สามารถแข่งขันกับเครื่องจักรได้ เพราะต่างประเทศต้องการแรงงานที่มีฝีมือ ขณะที่บางโรงงานต้องใช้ความทันสมัย

ที่สำคัญต้องตัวกับการย้ายฐานการผลิตไปประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอาจจะทำให้เราลำบากมากกว่านี้จึงต้องร่วมกับรัฐบาล

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวด้วยว่า การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ด้านแรงงานโดยเฉพาะสถานการณ์การค้ามนุษย์ระดับเทียร์ 2 ที่ต้องจับตามองที่ประเมินโดยองค์กรต่างประเทศและต้องเพิ่มการบังคับใช้กฎหมายและผลักดันการบริหารจัดการแรงงานนอกระบบอย่างเต็มรูปแบบทั้งกลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุ และคนพิการเพื่อสร้างความเท่าเทียม

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางมาถึงกระทรวงแรงงาน ก็ได้เข้าไปพูดคุยกับ พล.อ.ประวิตร ภายในห้องพักรับรองเป็นเวลา 10 นาทีก่อนจะเดินเข้าห้องประชุมกระทรวงแรงงานบริเวณที่จัดงานพร้อมกัน โดยระหว่างเดินทางเข้าห้องประชุม พล.อ.ประวิตรได้เดินเกาะไหล่นายกรัฐมนตรี ด้วยโดยทั้งก่อนและหลังเข้าร่วมงานพล.อ.ประวิตร ไม่ได้มีการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนแต่อย่างใด