“บิ๊กโจ๊ก” สั่งรวบ 11 จนท.รัฐ ทุจริตเรียกรับเงินปล่อยเรือประมง 5 ลำออกนอก

“บิ๊กโจ๊ก” สั่งรวบ 11 จนท.รัฐ ทุจริตเรียกรับเงินปล่อยเรือประมง 5 ลำออกนอก





ad1

สงขลา-“บิ๊กโจ๊ก” สั่งรวบ 11 จนท.รัฐทุจริตกระบวนการตรวจสอบ “เรือขาเข้า-ขาออก”ประเทศ  รับเงินปล่อยเรือประมงผิดปลอม 5 ลำที่ถูกจับออกนอกประเทศ 

วันที่ 16 ก.ย.65 ที่กองบังคับการตำรวจภูธร จ.สงขลา พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าวการจับกุม 11 ข้าราชการที่ทุจริตต่อหน้าที่ปล่อยเรือปลอม 5 ลำ ที่ถูกจับออกนอกประเทศ จากกรณีเมื่อเดือนธันวาคม 2564  ตำรวจชุดปฏิบัติการประมงร่วมกับ ศรชล. จับกุมเรือประมงปลอม ลูกเรือรวมจำนวน 22 ราย ซึ่งร่วมกันกระทำความผิดกรณีลักลอบเข้ามาในน่านน้ำไทยโดยไม่ได้มีการแจ้งให้เจ้าหน้าที่ข้องทราบ

และมีการปิดบังและเปลี่ยนแปลงชื่อเรือและสัญชาติจากมาเลเซีย เป็นสัญชาติอินโดนีเซีย ต่อมาศาลได้มีการพิจารณาคดีเกี่ยวกับเรือประมงดังกล่าวไปแล้วจำนวน 3 ลำ โดยสั่งริบเรือประมง และปรับเงินจำนวนกว่า 20 ล้านบาท ส่วนอีก 2 ลำ ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดี ในส่วนของเรือประมงที่ยึดไว้ทั้ง 5 ลำ ซึ่งเก็บรักษาไว้ ณ กรมศุลกากรจังหวัดสงขลา ได้เข้าสู่กระบวนการประมูลเรือขายทอดตลาดของกรมศุลกากร 

แต่หลังจากที่เรือประมงทั้ง 5 ลำ ถูกประมูลไปแล้วนั้น กลับฝ่าฝืนคำสั่งห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักรของเจ้าหน้าที่ ลักลอบเดินทางออกไปยังน่านน้ำประเทศมาเลเซีย เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้มีการประสานงานกับทางการมาเลเซีย เพื่อให้ช่วยติดตามจับกุมเรือประมงทั้ง 5 ลำ ซึ่งต่อมาทางการมาเลเซีย ได้ติดตามจับกุมเรือประมงทั้ง 5 ลำไว้ได้ครบถ้วนแล้ว ขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินคดีตามกฎหมายของทางการมาเลเซีย

นอกจากนี้ เรือประมงทั้ง 5 ลำ ซึ่งกระทำผิด IUU ได้ถูกประกาศเป็นเรือประมงที่ถูกใช้ทำการประมงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีกำหนดระยะเวลาห้ามใช้เรือประมงทำการประมงเป็นเวลา 5 ปี ตามประกาศของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 

ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร ผอ.ศพดส.ตร. และ พส.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. รอง ผอ.ศพดส.ตร. ให้ดำเนินการขยายผลติดตามจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดดังกล่าว ซึ่งได้มีการแจ้งความร้องทุกข์เพิ่มเติมแล้วที่ สภ.สิงหนคร จ.สงขลา และได้มีการขยายผลดำเนินคดีอีก 10 คดี ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาจำนวน 13 ราย ซึ่ง 1 ในนั้นคือนายประเสริฐ สงวนนามสกุล ทำหน้าที่เป็นผู้แทนเรือ (ซิปปิ้ง) ของเรือทั้ง 5 ลำ และประสานงานนำเรือเข้าและออกจากราชอาณาจักร

เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการขยายผลเพิ่มเติมจากกรณีของนายประเสริฐ เกี่ยวกับการลักลอบนำเรือประมงทั้ง 5 ลำ เข้าและออกจากราชอาณาจักร รวมทั้งรวบรวมพยานหลักฐานเกี่ยวกับเส้นทางการเงินของนายประเสริฐ จึงได้ทราบเพิ่มเติมจากนายประเสริฐว่าได้มีการประสานงานกับเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วน เพื่อดำเนินการเสนอผลประโยชน์ให้เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกในการขั้นตอนการตรวจเรือเข้าและออกราชอาณาจักร 

ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและดำเนินการยื่นขอหมายจับเจ้าหน้าที่รัฐจำนวน 11 ราย ประกอบด้วย 1. ร.ต.ต.หญิง ชนิดา ไขยเสนะ ตำรวจ ตม. 2. ด.ต.หญิงเรวดี สุพงษ์ เตำรวจ ตม. 3. ด.ต.หญิงคุณภัทร ชโนวรรณ ตำรวจ ตม. 4. ส.ต.อ.หญิงรดา หนูคง ตำรวจ ตม. 5. ว่าที่ ร.ต.ท.ชาตรี อดทน ตำรวจ ตม. 6. ว่าที่ ร.ต.ท.ชินดนัย แก้วศรีราวงษ์ ตำรวจ ตม. 7. นายนิติ อุทุมพร เจ้าหน้าที่ตรวจท่าปฏิบัติการ กรมเจ้าท่า . 8. นายจตุพร เคว็จดำ พนักงานตรวจท่าชำนาญการ กรมเจ้าท่า 9. นายอนพัทย์ กอวนิช หัวหน้าด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ10. นายเจตวัฒน์ คมขาว หัวหน้าด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ และ11. นายนนทพัชธิ์ อำมัพรพันธ์ หัวหน้าด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ

โดยทั้ง 11 ราย จะถูกดำเนินคดีในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับผลประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปีถึง 20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 1 แสนบาทถึง 4 แสนบาท หรือประหารชีวิต โดยพนักงานสอบสวน สภ.สิงหนคร ได้รับมอบตัวผู้ต้องหาตามหมายจับทั้ง 1 1 ราย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย 

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ในกรณีดังกล่าวเป็นกรณีที่ประชาชนและสื่อมวลขน รวมทั้งองค์กรจากต่างประเทศ ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงสั่งการให้มีการดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจนถึงที่สุด ซึ่งจากการขยายผล ในกรณีที่เรือประมง 5 ลำที่ได้ลักลอบเดินทางออกนอกราชอาณาจักโดยผ่าฝืนคำสั่งของเจ้าหน้าที่นั้น ก็พบว่ามี 

เจ้าหน้าที่รัฐบางส่วน มีการเรียกรับผลประโยชน์เพื่อจำนวยความสะดวกในการกระทำความผิดของผู้ต้องหา จึงต้องมีการดำเนินคดีโดยเด็ดขาดทุกราย เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้มีเหตุลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นอีก รวมทั้งเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศไทย เกี่ยวกับการปราบปรามการทำประมงผิดกฎหมายในสายตาของนานาประเทศอีกด้วย ในการนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอความร่วมมือสื่อมวลชน ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน ได้ทราบถึง

การดำเนินการและการกระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับการทำประมงผิดกฎหมาย หากประชาชนพบเห็นการกระทำผิดใน ลักษณะดังกล่าว สามารถแจ้งข้อมูลมายัง ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาค 
ประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร. โดยตรง ช่องทางสายด่วน 1599 หรือ www.humantrafficking.police.go.th หรือ ผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก https:/www.facebook.com/TICAC 2016 หรือ LineOA: @HUMANTRAFFICKTH หรือ TWITTER: @safe_dek หรือช่องทางใหม่ล่าสุดคือ การสแกน QRCODE 
เพื่อกรอกแบบฟอร์มในการแจ้งเหตุและเบาะแสการกระทำผิดดังกล่าวเพื่อแจ้งเบาะแสในการปราบปรามการกระทำ ผิดต่อไป.