สภาองค์กรของผู้บริโภค ผนึกกำลัง 10 สถาบันการศึกษา สร้างภูมิคุ้มกันเยาวชน รู้จักสิทธิผู้บริโภค

สภาองค์กรของผู้บริโภค ผนึกกำลัง 10 สถาบันการศึกษา สร้างภูมิคุ้มกันเยาวชน รู้จักสิทธิผู้บริโภค





ad1

สภาองค์กรของผู้บริโภค ผนึกกำลัง 10 สถาบันการศึกษา สร้างภูมิคุ้มกันเยาวชน รู้จักสิทธิผู้บริโภค และร่วมมือสร้างสรรค์นวัตกรรมการสื่อสาร ขับเคลื่อนงานคุ้มครองผู้บริโภค 

วันนี้ 1 พ.ย.65 เวลา 14.00 น. สภาองค์กรของผู้บริโภค ร่วมกับ ภาคีเครือข่าย 10 สถาบันการศึกษา ได้แก่ มหาวิทยาลัยรังสิต มหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาวิทยาลัยบูรพา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ และมหาวิทยาลัยหาดใหญ่ จัดโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ “ค่ายพัฒนานวัตกรรมการสื่อสารสำหรับคนรุ่นใหม่” เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องสิทธิผู้บริโภค จุดประกายให้เยาวชนตระหนักถึงปัญหาผู้บริโภคที่เกิดขึ้นในทุกพื้นที่ ลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิของตนเองและชุมชน ร่วมกันสร้างสรรค์นวัตกรรมการสื่อสารที่จะช่วยขับเคลื่อนพลังสังคมที่เป็นประโยชน์ต่อการคุ้มครองผู้บริโภคต่อไป

 น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค กล่าวว่า สภาองค์กรของผู้บริโภคเกิดขึ้นตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ถูกจัดตั้งตามกฎหมายพระราชบัญญัติการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ.2562  ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของผู้บริโภค ติดตาม เฝ้าระวัง เตือนภัย สินค้าและบริการต่างๆ และคุ้มครองพิทักษ์สิทธิผู้บริโภคในทุกมิติ รวมถึงการเสริมสร้างองค์ความรู้ให้ผู้บริโภคเท่าทันผู้ประกอบการ ไม่ตกเป็นเหยื่อของการโกง การเอารัดเอาเปรียบในรูปแบบต่าง ๆ

ปัจจุบันสภาองค์กรของผู้บริโภคมีองค์กรสมาชิก 269 องค์กร และมีหน่วยงานประจำจังหวัด 14 หน่วยงาน อยู่ใน 6 ภูมิภาค ทำหน้าที่รับเรื่องร้องเรียนทุกปัญหาผู้บริโภคในจังหวัดต่าง ๆ  ตลอดจนช่วยเหลือเจรจาไกล่เกลี่ย เรียกร้องการชดเชยเยียวยาค่าเสียหาย และในกรณีที่ไม่สามารถไกล่เกลี่ยได้ ก็เป็นตัวแทนผู้บริโภคในการดำเนินคดีเพื่อให้ผู้เสียหายได้รับความเป็นธรรม รวมทั้งการยกระดับเรื่องร้องเรียนต่าง ๆ ที่นำไปสู่การแก้ไขปัญหาในระดับพื้นที่จนถึงระดับประเทศ

 "การสนับสนุนให้เกิดความเข้มแข็งของผู้บริโภค เป็นอีกหนึ่งภารกิจที่สำคัญของสภาองค์กรของผู้บริโภค ดังนั้น การขยายฐานการคุ้มครองผู้บริโภคจากสภาฯ สู่เยาวชน ภายใต้โครงการ ‘ขยายภาคีเครือข่าย 10 สถาบันการศึกษา’ จึงเป็นอีกก้าวหนึ่งของการขยายฐานการคุ้มครองผู้บริโภคสู่คนรุ่นใหม่” สารี ระบุ

ด้าน รองศาสตราจารย์ ดร.กฤษณ์ ทองเลิศ คณบดีวิทยาลัยนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ในฐานะที่ปรึกษาโครงการขยายเครือข่ายภาคี 10 สถาบันการศึกษา รู้สิทธิของผู้บริโภค กล่าวเกี่ยวกับความ 2 / 3 ร่วมมือในภารกิจครั้งนี้ว่า ปัจจุบันสื่อสังคมอออนไลน์ (Social Media) มีบทบาทสำคัญกับสังคมปัจจุบันเป็นอย่างมาก ข้อมูลข่าวสารบนสื่อสังคมออนไลน์มีทั้งข้อมูลจริง ข่าวลือ และข่าวลวง ผู้คนที่ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นได้ทั้งส่งสารและเป็นผู้รับสาร โดยจะมีสื่อสังคมออนไลน์ใหม่เกิดขึ้นเรื่อย ๆ ทั้ง เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ยูทูบ อินสตาแกรม ไลน์ ติ๊กตอก ที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน นอกจากเพิ่มความสะดวกในการติดต่อสื่อสารให้กับผู้คนแล้ว หลายครั้งยังสามารถทำให้เกิดประเด็นต่าง ๆ ที่ผู้ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ให้ความสนใจสูง และสื่อสารให้ความเห็นส่งต่อกันอย่างกว้างกวาง

คณบดีวิทยาลัยนิเทศศาสตร์ ระบุว่า การใช้บุคคลที่มีอิทธิพลทางสื่อสังคมออนไลน์ (influencer) จึงเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญที่ช่วยในการประชาสัมพันธ์ รณรงค์ สื่อสาร เตือนภัยเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการที่อาจกระทบต่อสิทธิของผู้บริโภค รวมถึงใช้ในการขับเคลื่อนประเด็นสู่สาธารณะเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการคุ้มครองผู้บริโภค การสื่อสารผ่าน influencer กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีพลังทางความคิดมีพลังสร้างสรรค์ ที่จะกระจายอยู่ทั่วไปในสถาบันการศึกษาต่าง ๆ จึงเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความรู้ด้านสิทธิผู้บริโภคผ่านโครงการนี้

“หากเยาวชนคนรุ่นใหม่ได้ระดมความคิด แลกเปลี่ยนความเห็น และต่อยอดไปสู่การสร้างสรรค์งานในแบบฉบับของตนเองโดยอาจจะมีความแตกต่างกันในบริบทของแต่ละภูมิภาคของมหาวิทยาลัยนั้น ๆ เราก็จะเห็นภาพรวมของงานที่มีความหลากหลาย ซึ่งมุ่งไปที่แก่นประเด็นเนื้อหาเดียวกัน นั่นคือ “สิทธิของผู้บริโภค” ทั้งนี้ การสร้างคนรุ่นใหม่ และทำให้สถานศึกษาที่มีศักยภาพในเรื่องการสื่อสารมาร่วมมือกัน สร้างสรรค์ผลงานเพื่อขับเคลื่อนประเด็นเรื่องสิทธิผู้บริโภค น่าจะช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคเกิดความตระหนักรู้และลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิของตัวเอง และสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในสังคมได้อย่างแท้จริง” ที่ปรึกษาโครงการขยายภาคีเครือข่าย 10 สถาบันการศึกษาฯ กล่าวเพิ่มเติม