ป.ป.ส. เผยหน่วยสกัดกั้นยาเสพติดท่าอากาศยาน AITF ยึดยาอี 2000 เม็ด ส่งพัสดุจากเนเธอร์แลนด์

ป.ป.ส. เผยหน่วยสกัดกั้นยาเสพติดท่าอากาศยาน AITF  ยึดยาอี 2000 เม็ด ส่งพัสดุจากเนเธอร์แลนด์





ad1

ป.ป.ส. เผยหน่วยสกัดกั้นยาเสพติดท่าอากาศยาน AITF
ยึดยาอี 2000 เม็ด ส่งพัสดุจากเนเธอร์แลนด์


ตามรวบผู้ต้องหาถึงบ้าน ตรวจห้องพัก พบเศษยาอีเพิ่มอีก
วันที่ 14 ธันวาคม 2565 นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) เผยถึงการตรวจยึดยาอี (Ecstacy) จำนวน 2,000 เม็ด ซุกซ่อนในกล่องพัสดุจากประเทศเนเธอร์แลนด์ ต่อมาขยายผลจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาอีเพิ่มเติม โดยเป็นการจับกุมภายใต้ปฏิบัติการของหน่วยสกัดกั้นยาเสพติดทางท่าอากาศยานนานาชาติ (Airport Interdiction Task Force) หรือ AITF ที่เป็นความร่วมมือของ สำนักงาน ป.ป.ส. กรมศุลกากร กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย
เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า เมื่อต้นเดือนธันวาคม

หน่วย AITF โดย กรมศุลกากรพบกล่องพัสดุต้องสงสัยว่าจะมียาเสพติดซุกซ่อนอยู่ภายใน โดยการวิเคราะห์จากข้อมูลทางการข่าว ประกอบกับแหล่งที่ส่งพัสดุ คือ ประเทศเนเธอร์แลนด์ และการจับพิรุธของการสำแดงของที่ส่ง หลังการตรวจสอบกล่องพัสดุ พบยาอี จำนวน 2,000 เม็ดซุกซ่อนในกาน้ำร้อนไฟฟ้า 2 เครื่อง


ต่อมาในวันที่ 13 ธันวาคม 2565 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้หารือกับผู้ขนส่ง ก่อนอำพรางเพื่อทำการส่งพัสดุดังกล่าวตามที่อยู่ที่ระบุไว้บนกล่องพัสดุ เมื่อมีหญิงไทยจากบ้านหลังดังกล่าวมารับพัสดุ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงเข้าไปแสดงตัวและสอบสวนรายละเอียดจนทำให้ทราบว่า ชื่อที่ปรากฏบนพัสดุเป็นชื่อลูกของตนที่อาศัยในบ้านดังกล่าวจริง เจ้าหน้าที่จึงได้เชิญผู้ต้องหาที่อยู่ในบ้านขณะนั้นซึ่งเป็นเยาวชน (ขอสงวนชื่อ-นามสกุล) เพื่อทำการจับกุมและเปิดพัสดุต่อหน้าผู้ต้องหา จากนั้นตรวจค้นบ้านของผู้ต้องหาเพิ่มเติม ซึ่งได้พบวัตถุต้องสงสัยลักษณะเป็นเม็ดแตกหักสีเทา ซุกซ่อนในกล่องโทรศัพท์ ในห้องนอน จึงได้ตรวจสอบและพบว่าเป็นยาอี น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 4.5 กรัม นอกจากนั้นยังพบ ถุงซิปล็อกและกล่องสำหรับส่งพัสดุหลายใบ จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน พร้อมกับโทรศัพท์มือถือ และคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คของผู้ต้องหา


เลขาธิการ ป.ป.ส. ให้ข้อมูลว่า จากพยานหลักฐานที่ปรากฏ เช่น ถุงซิปล็อก กล่องพัสดุ ประกอบกับยาอีจำนวน 2,000 เม็ด คาดว่าผู้ต้องหานำเข้ายาเสพติดดังกล่าวเข้ามาเพื่อจำหน่าย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบประวัติการ รับ-ส่งพัสดุของผู้ต้องหารวมถึงคนใกล้ชิดเพิ่มเติมเพื่อประกอบการสืบสวน ประเมินพฤติกรรมของผู้ต้องหา เพื่อขยายผลต่อไป โดยจากพยานหลักฐานขณะนี้ได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า นำยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาอี (Ecstacy) เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 15 ปี และปรับไม่เกิน1,500,000 บาท ถ้าหากมีไว้ในครอบครองอันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปีถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 200,000 บาททถึง 2,000,000 บาท