ระวังหมูเถื่อนจาก “เพื่อนบ้าน”

ระวังหมูเถื่อนจาก “เพื่อนบ้าน”





ad1

โดย..ปฐพี สวัสดิ์สุคนธ์

 ปัญหาหมูเถื่อนดูเหมือนจะค่อยๆคลี่คลายลงไปทีละเปลาะ โดยเฉพาะหมูเถื่อนที่บรรจุกล่องแช่แข็งส่งตรงจากประเทศแถบยุโรปและอเมริกา เข้ามาทางท่าเรือแหลมฉบัง ก่อนกระจายสู่ตลาดทั่วประเทศ จากเดิมที่มีการประกาศขายกันในโลกออนไลน์อย่างเปิดเผย แต่ก็พบว่าขณะนี้การประกาศขายผ่านสื่อออนไลน์นั้นน้อยลงกว่าเมื่อช่วงต้นปีมาก ซึ่งก็เป็นเพราะภาครัฐมีการจับกุมผู้กระทำผิดมากขึ้น ดังเช่นในช่วงกันยายน - พฤศจิกายน 2565 ที่มีการจับกุมถึง 25 ครั้ง ได้ของกลางถึง 1,142.53 ตัน เทียบกับการจับกุมเมื่อเดือน มกราคม-สิงหาคม 2565 มีการจับกุมเพียง 5 ครั้ง และได้ของกลางเพียง 115.45 ตัน เล่นเอาเหล่ามิจฉาชีพเสียหายไปหลายแสน ส่งผลให้คนที่คิดจะทำผิดเกรงกลัวกฏหมายกันขึ้นบ้าง แม้จะยังไม่สามารถสาวถึงตัวผู้บงการได้ก็ตาม ล่าสุด ผลพวงจากการทำงานไล่ล่าหาเนื้อสัตว์ผิดกฏหมาย ยังเป็นอานิสงส์ให้ประเทศไทยได้เจอโรงงานเนื้อสัตว์แช่ฟอร์มาลินขนาดใหญ่ สร้างกระแสความตื่นตัวในเรื่องความปลอดภัยในอาหารตามมา

ในขณะที่หมูแช่แข็งจากยุโรปเริ่มป่วนน้อยลง แต่ตามตะเข็บชายแดนกัมพูชากลับพบ “หมูร้อน” หรือหมูที่ไม่ได้แช่แข็ง เป็นหมูมีชีวิตที่ถูกชำแหละ ณ บริเวณชายแดน แล้วขนเป็นหมูซีกเข้ามาในราชอาณาจักรไทย นับเป็น “หมูเถื่อน” อีกรูปแบบหนึ่งที่คนไทยต้องระมัดระวัง เพราะเป็นหมูที่ไม่ผ่านการตรวจโรค และเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคไม่ต่างกัน  

สาเหตุหลักที่เกิดการลักลอบขนหมูซีกเข้าไทย เป็นเพราะราคาหมูหน้าฟาร์มของกัมพูชาตกต่ำมาก หล่นลงมาอยู่ที่ 64 บาท/กก.เท่านั้น ขณะที่ราคาหมูหน้าฟาร์มของไทยอยู่ที่ 98 บาท/กก. ส่วนหมูลาว เมียนมา และเวียดนาม มีราคาใกล้เคียงกับหมูไทยจึงไม่น่ากังวลนัก สำหรับหมูฟิลิปปินส์และหมูมาเลเซียมีราคาสูงถึง 106  และ 110 บาทตามลำดับ จึงไม่มีใครลักลอบนำเข้ามาแน่ “โบรคเกอร์ไทย” และ “โบรคเกอร์เขมร” ต่างเห็นโอกาสดังกล่าว ก็เลยเสี่ยงลักลอบขนหมูผิดกฎหมาย จ้างกองทัพมดขนหมูเข้ามาทำกำไรในประเทศไทย ดังนั้น “หมูร้อนจากกัมพูชา” จึงกลายเป็นสิ่งอันตรายให้เจ้าหน้าที่ด่านชายแดนอรัญฯต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดมากขึ้น รวมถึงด่านอื่นๆ ที่ใกล้เคียงด้วย    

“คนกลาง” หรือ “โบรคเกอร์” เป็นอีกข้อต่อหนึ่งที่สำคัญของขบวนการขนหมูเถื่อน ที่ทุกวันนี้เข้ามาในหลายลักษณะ ทั้งแบบ “หมูกล่อง -แช่แข็ง”  “หมูร้อน – หมูซีก” และ “หมูกี้ – ลูกหมู (สำหรับทำหมูย่าง)” ซึ่งคงต้องมีการให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่ด่านชายแดนให้รู้เท่าทันกลเกมของคนกลางเหล่านี้และตัดตอน-จับกุมให้ได้ ก่อนปะปนกับหมูไทยขายในตลาดให้คนไทยได้กิน

หมูของไทยได้รับการยอมรับว่าเป็นหมูที่มีคุณภาพดีที่สุดในภูมิภาคนี้ มีกระบวนการตรวจสอบความปลอดภัยทางอาหารในทุกขั้นตอนการผลิต  ตั้งแต่ในฟาร์มกระทั่งถึงจุดจำหน่าย เรียกว่ามีมาตรฐานสูงกว่าประเทศอื่นๆ ในแถบนี้ทั้งหมด รวมถึงสูงกว่าประเทศตะวันตกด้วย แล้วเหตุใดคนไทยจึงต้องเสี่ยงกับหมูที่ไร้มาตรฐานการตรวจสอบ?  

 หมูเถื่อนจากเพื่อนบ้าน หรือหมูเถื่อนจากยุโรปและอเมริกา ก็ล้วนเป็นอันตรายต่อคนไทย และวันนี้มันยังคงไม่หมดไป ตราบเท่าที่ยังไม่สามารถสาวถึง “ตัวการใหญ่” ได้สักที  ในฐานะผู้บริโภคคงต้องฝากความหวังไว้กับ “เจ้าหน้าที่รัฐ” ที่จะช่วยปกป้องคนไทยจากหมูเถื่อนเหล่านี้ ซึ่งนอกจากจะต้องเป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่ซื่อสัตย์ ปฏิบัติหน้าที่โดยชอบแล้ว ยังต้องเข้มแข็งและไม่โอนอ่อนกับสิ่งล่อใจที่เหล่าโบรคเกอร์หยิบยื่นให้ด้วย.