โคราชงานดี มีเงิน ของไม่แพง “สุวัจน์” ชัดเจน ฤกษ์เปิดนโยบาย 12 ข้อ 24 ม.ค.นี้

โคราชงานดี มีเงิน ของไม่แพง “สุวัจน์” ชัดเจน ฤกษ์เปิดนโยบาย 12 ข้อ 24 ม.ค.นี้





ad1

นครราชสีมา -โคราชงานดี มีเงิน ของไม่แพง “สุวัจน์” ชัดเจน ฤกษ์เปิดนโยบาย 12 ข้อ 24 ม.ค.นี้  เสร็จภาพรวมทั้งประเทศ จะเปิดนโยบายเฉพาะของเมืองย่าโม เผย แคนดิเดตนายกฯ อาจะมาจากพรรคชาติพัฒนากล้า  เวลคั่ม “เศรษฐา” นักธุรกิจอินเตอร์สู่การเมือง เย้าวันนี้ภาพลักษณ์ของการเมืองยังไม่สวยสดงดงาม การตรวจสอบก็เข้ม การเสียดสี แรงเสียดทานสูง

วันนี้ ( 23 มกราคม 2566 ) ที่ จ.นครราชสีมา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า อดีตรองนายกรัฐมนตรี แกนนำพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วย นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนากล้า ได้นำนายเทวัญ ลิปตพัลลภ เลขาธิการพรรคชาติพัฒนากล้า  , นายประเสริฐ บุญชัยสุข นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา อดีต รมว.อุตสาหกรรม , ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. จ.นครราชสีมา เขต 1 ,  นายวัชรพล โตมรศักดิ์ ส.ส.นครราชสีมา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 , นายสมบัติ กาญจนวัฒนา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 และนายไกรฤกษ์ เสียนขุนทด (อาจารย์น้อย) ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขต อำเภอด่านขุนทด พบปะเยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชน พ่อค้า คหบดี นักธุรกิจ ในพื้นที่อำเภอเมืองนครราชสีมา พร้อมร่วมกันกราบไหว้สักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี(คุณย่าโม) สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ที่พี่น้องประชาชนเคารพนับถือกราบไหว้ และถวายพวงมาลัยดอกดาวเรือง ปิดแผ่นทองคำเปลว ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล ในโอกาสวันปีใหม่ของคนไทยเชื้อสายจีนใน จ.นครราชสีมา

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า ในวันที่ 24 มกราคมนี้ พรรคชาติพัฒนากล้าจะเปิดนโยบายด้านเศรษฐกิจนโยบายสำคัญ เพราะเห็นว่า 3 ปีที่ผ่านมา เราเกิดวิกฤติเศรษฐกิจและเชื่อมั่นว่า การเลือกตั้งภายใน 2-3 เดือนข้างหน้านี้ จะเป็นการเลือกตั้งที่พี่น้องประชาชนฝากความหวังให้เป็นทางออกของประเทศ โดยเฉพาะเรื่องวิกฤติเศรษฐกิจ ฉะนั้น จึงเป็นหน้าที่ของพรรคการเมืองทุกพรรคและนักการเมืองทุกคนที่จะช่วยกันระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวนโยบายต่างๆ ซึ่งพรรคชาติพัฒนากล้าให้ความสำคัญเรื่องนี้อย่างมาก ฉะนั้น วันที่ 24 มกราคมนี้ เราจะเปิดนโยบายภายใต้ธีม “งานดี มีเงิน ของไม่แพง” หมายความว่า นโยบายเศรษฐกิจของเรา จะทำให้เกิดการจ้างงานครั้งใหญ่

และคนที่เคยมีงานแล้วตกงานจะต้องมามีงานที่มากกว่าเดิม ทุกคนจะต้องกลับมามีเงิน มีการทำธุรกิจที่ได้เงินเข้ามา และที่สำคัญคือ สินค้าราคาแพงต่างๆ จะต้องถูกแก้ไข จึงจะมีนโยบายเศรษฐกิจ 12 ด้าน เช่น “นโยบายเรื่องของการสร้างเศรษฐกิจใหม่” ที่จะมาหล่อเลี้ยงระบบเศรษฐกิจเดิมที่จะนำไปสู่เม็ดเงิน 5 ล้านล้านบาท จากเศรษฐกิจใหม่ที่พรรคชาติพัฒนากล้าจะนำเสนอว่า เศรษฐกิจใหม่จะเกิดจากอะไรบ้าง เราเรียกว่า “สเปกตรัมอีโคโนมี” หรือ “เศรษฐกิจหลากสี” ก็จะมีเศรษฐกิจสีเขียว สีเหลือง สีขาว สีเงิน สีทองต่างๆ ซึ่งแต่ละสีจะบ่งบอกประเภทของเศรษฐกิจที่จะต้องก่อให้เกิดเม็ดเงิน และเป็นเศรษฐกิจที่ ครีเอทขึ้นมาใหม่ ลดค่าใช้จ่ายให้พี่น้องประชาชน จะจัดโครงสร้างภาษีใหม่ และเราก็เห็นใจพี่น้องประชาชนเรื่องถูกบล็อกสินเชื่อ เพราะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทุกคนมีปัญหาเรื่องเครดิต ก็จะมีมาตรการในการผ่อนคลายให้ทุกคนกลับมาใช้สินเชื่อกันได้ใหม่

รวมทั้ง จะมีนโยบายเกี่ยวกับ “การใช้ระบบดิจิทัลมาปรับปรุงระบบราชการ” ช่วยให้เกิดความคล่องตัวและรวดเร็ว โปร่งใส และนโยบาย “ของต้องไม่แพง” เรื่องของราคาค่าไฟฟ้ากับราคาน้ำมัน  มีแนวคิดว่าไฟฟ้าต้องถูกกว่านี้ น้ำมันต้องไม่แพงกว่านี้ เพราะทั้งน้ำมันกับไฟฟ้าเป็นต้นทุนที่ทำให้สินค้าต่างๆมีราคาแพง และจะมีนโยบายเรื่องการศึกษา โดยจะไปเพิ่มทักษะให้คนมีโอกาสทำงานมากขึ้น เด็กไทยต้องเรียนรู้หลายภาษาเพื่อจะได้เข้าถึงเทคโนโลยี  ส่วนนโยบายเรื่องการสร้างเกษตรใหม่  จะเป็นแพตฟอร์มใหม่ทางด้านเศรษฐกิจอันยิ่งใหญ่ของประเทศ  เพราะนี่คือจุดแข็งของพรรค และยังมีนโยบายที่เกี่ยวข้องกับ “เถ้าแก่ใหม่”  ใครจบอะไร เรียนอะไร หรือมีประสบการณ์อะไร ก็จะมีกองทุนให้ไปเป็นเถ้าแก่ และนโยบาย “การดูแลผู้สูงอายุ” ให้เป็นแอสเสทของประเทศ และการออกแบบเรื่องอารยสถาปัตย์ต่างๆ เพื่อให้เป็นสากล และยังมีนโยบายสำคัญอีกอย่างคือ “การสร้างมอเตอร์เวย์” ที่จะสร้างความปลอดภัย รวดเร็ว สร้างความสุขในระหว่างครอบครัว ทำให้คนไทยได้ท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวมาเมืองไทยก็สะดวก เรามีนโยบายว่า ทำอย่างไรที่จะผลักดันมอเตอร์เวย์ให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสร้างความเสมอภาค คนไทยทุกคนได้มีโอกาสใช้ ส่วนนโยบายสุดท้ายคือ “นโยบายทางด้านการท่องเที่ยว” ที่จะมาสร้างเงิน สร้างงาน สร้างรายได้ ทำอย่างไรที่เราจะเป็นอันดับหนึ่งของโลกเรื่องของการท่องเที่ยว ถ้าจะพูดถึงเรื่องการท่องเที่ยวต้องนึกถึงเมืองไทยก่อน ฉะนั้น นโยบายทั้งหมดจะเป็นนโยบายที่นำไปสู่การสร้างงาน นำไปสู่การสร้างเงิน และนำไปสู่การลดค่าครองชีพ และเมื่อเราเปิดนโยบายภาพรวมทั้งประเทศแล้ว

นายสุวัจน์ฯ กล่าวอีกว่า “เฉพาะพรรคชาติพัฒนากล้า สำหรับโคราชเรามีนโยบายที่ได้รับการออกแบบเอาไว้สำหรับ จ.นครราชสีมาโดยเฉพาะ เพราะพรรคชาติพัฒนากล้า โคราชชาติพัฒนา เป็นพรรคการเมืองที่เกิดที่โคราช เรารับใช้พี่น้องชาวโคราชมานาน ฉะนั้น เรารับทราบแนวทางที่จะพัฒนา แก้ไขปัญหา และโอกาสใหม่ๆที่โคราชจะต้องเดินต่อไปในวันข้างหน้า รอวันที่ 24 มกราคม 2566 เมื่อเปิดนโยบายทั้งประเทศเสร็จแล้ว พรรคชาติพัฒนากล้าก็จะกลับมาที่ จ.นครราชสีมา เปิดนโยบายของ จ.นครราชสีมา เพื่อให้พี่น้องประชาชนชาวโคราชได้สบายใจและได้มั่นใจกับพรรคชาติพัฒนากล้า  การเลือกตั้งครั้งนี้พรรคชาติพัฒนากล้ามั่นใจ และมั่นใจว่า นโยบายเศรษฐกิจของพรรคจะตอบโจทย์ตอบปัญหาของประเทศ”

ยังไงก็ต้องมีรัฐบาลใหม่อยู่แล้ว เพียงแต่ว่ารัฐบาลจะเป็นใคร ใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี โครงสร้างของรัฐบาลใหม่ นโยบายใหม่เป็นอย่างไร ก็ต้องแล้วแต่พี่น้องประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน แต่ยังไงเราก็ต้องได้รัฐบาลใหม่ เพราะว่า หมดเทอม 4 ปี เลือกตั้งก็ต้องมีรัฐบาลใหม่ ส่วนที่มีโพลคนโน้นคนนี้จะเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.ประวิตรฯ , พล.อ.ประยุทธ์ฯ ,”อุ๊งอิ้ง” หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ,”คุณหญิงหน่อย” ,นายอนุทินฯ หรือว่า นายจุรินทร์ฯ ตนมองว่า มันเป็นการแข่งขัน ทุกคนก็ต้องแสดงความพร้อม ต้องหวัง ต้องพยายามทำให้ดีที่สุด แต่ว่าคนที่จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี พรรคไหนจะชนะ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพี่น้องประชาชน อย่างพรรคชาติพัฒนากล้า เราเองก็หวังจะได้เสียงมากๆ เพื่อจะได้มีส่วนสำคัญจัดตั้งรัฐบาล หรือแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคชาติพัฒนากล้าอาจจะเป็นนายกรัฐมนตรีก็ได้ ทุกคนก็ต้องหวังทำให้ดีที่สุด แต่ทุกคนก็ต้องยอมรับว่า ผู้ที่จะตัดสินคือพี่น้องประชาชน ส่วนการที่ พล.อ.ประวิตร ฯ พล.อ.ประยุทธ์ฯ แย่งกันลงพื้นที่ส่งสัญญาณจะยุบสภาฯ ในเร็ววันนี้  ตนคิดว่า วันนี้ยุบสภาหรือไม่ยุบสภาฯ ไม่ได้แตกต่างกันแล้ว เพราะจากนี้ไป 2 เดือน สภาฯ ก็จะหมดเทอมอยู่แล้วในวันที่ 24 มีนาคม 2566  หากยุบสภาฯ ก่อน ก็จะเร็วขึ้น 1-2 เดือน ฉะนั้นไม่ได้เป็นประเด็นอะไร แม้ว่าจะยุบวันไหนก็แล้วแต่ แต่ว่าช่วงนี้มันเป็นโค้งสุดท้ายแล้ว ทุกคนรู้อยู่แล้วว่า คัมมิ่งซูน เลือกตั้งเร็วๆ นี้แน่นอน ฉะนั้น ความเคลื่อนไหวของนักการเมืองโดยเฉพาะนักการเมืองในระดับผู้ใหญ่ ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี เป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่า เดี๋ยวกำลังจะมีการเลือกตั้ง ต่างชาติก็จะได้ติดตามประเทศไทยว่า มีการเลือกตั้งแล้ว ผลการเลือกตั้งเรียบร้อย  มีรัฐบาลใหม่ นโยบายดีๆ ก็จะทำให้การลงทุนเศรษฐกิจต่างกลับมา ซึ่งตนคิดว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ จะเป็นการเลือกตั้งที่นำไปสู่ความมั่นใจของนักลงทุน และจะนำไปสู่การหาทางออกให้กับประเทศโดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ เป็นการส่งสัญญาณที่ดี ซึ่งทุกพรรคการเมืองก็เปิดนโยบาย เปิดตัวผู้สมัคร มีคนหน้าใหม่ๆ เข้ามามากมาย

ล่าสุด มีการเปิดตัวที่เป็นนักการเมืองหน้าใหม่ เป็นคนมีชื่อเสียงโด่งดังด้านอสังหาริมทรัพย์ นายเศรษฐา ทวีสิน แห่งอาณาจักรแสนสิริ  ซึ่งนายเศรษฐาฯ ไม่ได้อยู่ในวงการการเมืองมาก่อนการมาเปิดตัวอย่างนี้ ก็น่าจะตีความหมายได้ว่า พร้อมที่จะเข้าสู่การเมือง ก็เวลคัมขอให้ประสบความสำเร็จ ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะว่านายเศรษฐาฯ  ถือเป็นนักธุรกิจเป็นผู้บริหารระดับสูง และประสบความสำเร็จด้านอสังหาริมทรัพย์ ดูแล้วเหมือนเป็นนักธุรกิจที่อินเตอร์ มีความรู้ความสามารถ การที่เข้าสู่การเมืองครั้งนี้ ตนคิดว่าสามารถจะนำประสบการณ์ความสำเร็จจากภาคธุรกิจมาช่วยประเทศชาติได้  เมื่อมาเป็นนักการเมืองก็ต้องให้กำลังใจนายเศรษฐาฯ เพราะว่า วันนี้เราจะชวนคนมาเล่นการเมืองก็ยากมาก ภาพลักษณ์ของการเมืองยังไม่สวยสดงดงามเท่าไหร่ และการตรวจสอบก็เข้ม มีการเสียดสี แรงเสียดทานก็สูง ฉะนั้น คนที่เข้าสู่การเมืองเพื่อจะรับใช้ประเทศ ถือว่ามีความเสียสละที่จะมาช่วยเหลือประเทศชาติกัน ฉะนั้น โดยส่วนตัวก็อยากจะเชิญชวนผู้ที่มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์มากๆ เข้ามาช่วยชาติบ้านเมืองกัน เพราะเรากำลังจะมีการเลือกตั้ง เราต้องการคนรุ่นใหม่และมีประสบการณ์ มีความรู้ความสามารถมาช่วยกันสร้างสรรค์การเมืองไทย เพื่อให้ได้นักการเมืองที่มีคุณภาพ มาช่วยกันทำงานแก้ไขปัญหาให้กับประเทศ

ตนคิดว่า การเลือกตั้งขึ้นอยู่กีบพี่น้องประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจว่า อยากให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี คงตอบแทนพี่น้องประชาชนไม่ได้ จะต้องรอผลการเลือกตั้ง แต่ตนว่าปัญหาของประเทศที่รออยู่คือวิกฤติเศรษฐกิจ ความมั่นใจของนักลงทุน และปัญหาอะไรต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เราต้องการนักการเมือง ต้องการนายกรัฐมนตรีที่ได้รับการยอมรับและเป็นผู้ที่มีความทันสมัย เข้าใจโลก เข้าได้กับทุกฝ่าย ประสานได้กับทุกฝั่ง เพื่อก่อให้เกิดความร่วมมือ ก่อให้เกิดพลังทางการเมืองที่จะมาช่วยแก้ไขปัญหาประเทศ สรุปคือ เราต้องการคนที่มีความทันสมัย เข้าใจปัญหาของโลก เข้าใจปัญหาของประเทศ และก็เป็นคนดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อยู่ที่พี่น้องประชาชนจะตัดสินใจ ส่วนที่มีการออกมาวิพากษ์วิจารณ์เรื่องแก้ รธน.ให้นายกรัฐมนตรีอยู่ 8 ปีนั้น ตนคิดว่า วันนี้คงยังไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องแก้ รธน.หรอก พูดแค่องค์ประชุมสภาฯ ให้ครบก่อน เพราะองค์ประชุมสภาก็ยังไม่ครบ ประชุมกฎหมายธรรมดาก็ยังไม่ครบ ไม่ผ่าน ผ่านไม่ได้เลย   เหลืออยู่แค่ 2 เดือน คงไม่ใช่วันเวลาที่จะไปคิดอะไรที่เกี่ยวกับการแก้ไข รธน.ในขณะนี้ และการแก้ไข รธน.เป็นเรื่องใหม่มากๆ เป็นเรื่องผลประโยชน์ของส่วนรวม ถ้าจะมีการพูดกันเรื่องการแก้ไข รธน. ถ้าจะเหมาะสมกับสถานการณ์ ก็ไปพูดกันในที่ประชุมสภาฯ ชุดใหม่ ที่พี่น้องประชาชนเลือกเข้ามาน่าจะเหมาะสมกับวันเวลาและสถานการณ์มากกว่า

ส่วนพรรคชาติพัฒนากล้าเข้าได้กับทุกพรรคในรัฐบาลหน้า เราทำงานไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร ทำงานการเมืองแบบสร้างสรรค์ ยึดประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก เที่ยวนี้เราให้ความสำคัญเรื่องเศรษฐกิจ เราไม่มีเวลาจะไปขัดแย้งใดๆ ทางการเมือง วันนี้ต้องรวมพลังการเมืองมาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจกัน แม้แต่นโยบายที่เรานำเสนอ สมมุติถ้าเลือกตั้งมาแล้วเราไม่ได้เป็นรัฐบาล เราก็จะผลักดันให้รัฐบาลนำนโยบายนี้ไปใช้ช่วยเหลือพี่น้องประชาชน แต่ถ้าเกิดเราได้เป็นรัฐบาล เราก็จะรับผิดชอบในงานที่เรานำเสนอนโยบายไว้ เราจะทำให้สำเร็จ” นายสุวัจน์ฯ กล่าว.

ประสิทธิ์ ตั้งประเสริฐ / นครราชสีมา