สุดโหด!รุ่นพี่ ม.5 สั่งรุ่นน้อง แช่บ่อเกรอะ น้ำอึราดใส่หัว ลงโทษแบบทหาร จนแผลติดเชื้อ

สุดโหด!รุ่นพี่ ม.5 สั่งรุ่นน้อง แช่บ่อเกรอะ น้ำอึราดใส่หัว ลงโทษแบบทหาร จนแผลติดเชื้อ





ad1

น.ส.กรภัทร แก้วเอียด อายุ 38 ปี พา ด.ช.เอ (นามสมมติ) อายุ 13 ปี และ ด.ช.บี (นามสมมติ) อายุ 14 ปี ลูกชาย เข้าพบ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เพื่อขอความช่วยเหลือ เนื่องจากลูกชายทั้ง 2 คน ถูกรุ่นพี่โรงเรียนประจำชื่อดังใน จ.เพชรบุรี สั่งลงโทษอย่างทารุณไร้เหตุผล ให้ลงแช่ในบ่อเกรอะ และลงโทษทางทหาร จนเกิดบาดแผลติดเชื้อรักษาไม่หาย ซึ่งทางโรงเรียนและครูหอพักปัดความรับผิดชอบกับเหตุการณ์ครั้งนี้

โดย 2 พี่น้องได้เปิดเผยว่า เหตุการณ์เกิดช่วงปลายเดือนมกราคม มูลเหตุมาจากคนในหอตื่นสายตอนเวลา 05.40 น. เพราะไม่มีคนมาปลุก แต่ตามกฎระเบียบของหอต้องตื่น 05.30 น. มาออกกำลังกาย และในช่วงเย็นของวันเดียวกัน ก็มีประเด็นเรื่องทำความสะอาดหอไม่สะอาดและไม่เก็บอุปกรณ์ ทั้งที่ตนเก็บอุปกรณ์เรียบร้อยและทำความสะอาดแล้ว

ด้วยมูลเหตุดังกล่าว ในเวลาประมาณ 4 โมงเย็นหลังเลิกเรียน จึงถูกรุ่นพี่ ม.5 ของหอพัก สั่งลงโทษรวมนักเรียน ม.1 ถึง ม.4 ซึ่งตนทั้งสองคนก็โดนไปด้วย โดยสั่งให้ทุกคนกระโดดลงไปแช่ในบ่อเกรอะหลายนาที ก่อนจะสั่งให้ขึ้นจากบ่อโดยไม่ล้างตัวและลงโทษตามวิธีการทหาร เช่น ดันพื้น ลุกหมอบ กลิ้งไปกลิ้งมาจนเป็นแผลทั่วร่างกาย ทั้งยังนำน้ำอุจจาระมาเทราดพวกตน

จากนั้นจึงนำเรื่องมาบอกแม่ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม่จึงรีบเดินทางมารับไปรับมารักษาบาดแผลที่โรงพยาบาลทันทีในวันรุ่งขึ้น ปรากฎว่าแผลติดเชื้อ ผ่านไปหนึ่งเดือนก็ยังรักษาไม่หาย และมีท่าทีว่าจะอักเสบมากขึ้น

ขณะที่ น.ส.กรภัทร กล่าวว่า ตนได้เดินทางไปถามข้อเท็จจริงกับครูประจำหอ ปรากฎว่าครูประจำหอบ่ายเบี่ยงที่จะรับผิดชอบ โดยอ้างว่าเด็กสมัครใจโดดลงไปเองและเป็นไปตามธรรมเนียมรุ่นพี่ปกครองรุ่นน้องที่ต้องบ่มเพาะอบรมให้รุ่นน้องมีระเบียบวินัย และยังท้าทายให้ไปแจ้งความดำเนินคดี อีกทั้งอัดคลิปทำทีให้นักเรียนรุ่นพี่พูดกล่าวหาว่าลูกตนสมัครใจโดดลงไป ทั้งๆ ที่ข้อเท็จจริง น้องผู้เสียหายถูกสั่งให้โดดลงไปและต้องทำตามด้วยความกลัว

สำหรับทางโรงเรียนเองก็บ่ายเบี่ยงที่จะพูดคุยหลายครั้ง จนล่าสุดนัดหมายกับทางโรงเรียนพร้อมรุ่นพี่หอพักให้มาพูดคุยกันในวันพรุ่งนี้ แต่ยังไม่ระบุเวลาที่แน่ชัด แต่ยืนยันว่าหลังจากนี้จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุดทั้งโรงเรียนและรุ่นพี่คนที่ลงโทษ ตอนนี้ตนให้ลูกลาออกจากโรงเรียนดังกล่าวแล้ว ไม่เข้าใจว่าการสร้างเสริมวินัยนักเรียนทำไมต้องทำเกินกว่าเหตุเช่นนี้

ตนส่งลูกให้มาเป็นนักเรียน ไม่ใช่มาเป็นนักโทษ ก่อนหน้านี้ ด.ช.เอ ก็เคยถูกลงโทษเมื่อเดือนธันวาคม 2565 ด้วยการลุกนั่งถึง 200 ครั้ง จนโรคหอบหืดกำเริบและรักษาไม่หาย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มีอาการของโรคนี้แล้ว จึงมาร้องเรียนให้สายไหมต้องรอดช่วยเป็นตัวกลางในการแจ้งความดำเนินคดีกับทางโรงเรียน และตีแผ่เรื่องราวระบบโซตัสในโรงเรียนประจำที่ยังหลงเหลืออยู่สู่สังคม

ด้าน นายเอกภพ กล่าวว่า เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นถึงความบกพร่องของกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องการออกกฎควบคุมมิให้เกิดการทำกิจกรรมในลักษณะของการทารุณกรรมในสถานศึกษา ทั้งที่การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เป็นการทำร้ายร่างกาย และละเมิดสิทธิ

การนำนักเรียนชั้นมัธยมศึกษามากระทำการเช่นนี้ โดยเฉพาะนำน้ำอุจจาระนั้น โหดร้ายและส่งผลกระทบต่อจิตใจเด็กอย่างมาก กลายเป็นแหล่งบ่มเพาะเชื้อโรคอันส่งผลต่อสุขภาพของเด็ก หากเป็นในค่ายทหาร ครูฝึกที่สั่งเช่นนี้มีสิทธิติดคุกได้ ต่อให้อ้างว่าเป็นธรรมเนียมประเพณี ก็เป็นประเพณีที่ล้าสมัยแล้วในยุคปัจจุบัน มันไม่ควรมีระบบโซตัสเกิดขึ้นอีก ยังมีอีกหลายวิธีในการสร้างเสริมและบ่มเพาะวินัยแก่นักเรียนด้วยสันติวิธีและไม่ใช้กำลังความรุนแรงเช่นนี้

โดยหลังจากนี้ ตนจะพาผู้เสียหาย ไปแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.ชะอำ จ.เพชรบุรี พร้อมฝากไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้เข้มงวดกวดขันและป้องกันปราบปรามการทารุณกรรมและประเพณีโซตัสในสถานศึกษามากขึ้น