พูโล เผย ประชาชนปาตานี ยอมรับโต๊ะพูดคุย เพื่อนำสันติสุขสู่ชายแดนใต้อย่างถาวร

พูโล เผย ประชาชนปาตานี ยอมรับโต๊ะพูดคุย เพื่อนำสันติสุขสู่ชายแดนใต้อย่างถาวร





ad1

นายกัสตูรี มะห์โกตา ประธานองค์กรพูโล ได้เผยแพร่ เอกสารผ่านเฟสบ๊คส่วนตัว เช้านี้ โดยมีเนื้อหา ระบุถึง ข้อสรุปหลังจากที่ สมาชิกพูโล ได้สำรวจความเห็นของประชาชนในพื้นที่ ถึงกระบวนการพูดคุยสันติสุขเพื่อหาแนวทางแก้ไขคความขัดแย้ง ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้  โดยมีสาระสำคัญ คือ คนมลายูปาตานียอมรับโต๊ะพูดคุยเจรจา  การพูดคุยจะมีเรื่องของการ ยกเลิกด่านตรวจต่างๆ บนถนน ตลอดจน ยกเลิกกฎอัยการศึกและกฎหมายพิเศษ รวมถึง นำไปสู้การยุติปิดล้อม ตรวจค้น การเจรจา ต้องไม่มีเงื่อนไข การไม่มีการบังคับ กดดัน       เช่นเดียวกับคณะพูดคุยสันติสุข  ประชุมคณะสล.3 ครั้งที่ 3/2566 รับฟังข้อเสนอแนะ หลังคณะพูดคุยร่วมจัดทำ JCPP เพื่อนำสันติสุขสู่ชายแดนใต้อย่างถาวร

กัสตูรี มะห์โกตา ประธานองค์กรพูโล

พลเอก วัลลภ รักเสนาะ หัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมประชุมคณะประสานงานระดับพื้นที่ ครั้งที่ 3 ประจำปี 2566 ณ ห้องน้ำพราว 1 โรงแรมซี.เอส. ปัตตานี อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี เพื่อขับเคลื่อนงานการสร้างสภาวะแวดล้อมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้เอื้อต่อกระบวนการพูดคุยสันติสุข ภายหลังมีการตกลงร่วมกันระหว่างคณะพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ และกลุ่ม BRN ในการจัดทำแผนปฎิบัติการร่วมเพื่อสร้างสันติสุขแบบองค์รวม (Joint Comprehensive Plan towards Peace) หรือ JCPP เมื่อวันที่ 21-22 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา โดยมี พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ในฐานะหัวหน้าคณะประสานงานระดับพื้นที่ เป็นประธาน พร้อมด้วย พลตรี วรเดช เดชรักษา ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5/ผู้อำนวยการศูนย์สันติวิธี ในฐานะเลขานุการคณะประสานงานระดับพื้นที่ ตลอดจนคณะประสานงานระดับพื้นที่ทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ปัตตานี , ยะลา , นราธิวาส) และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา ร่วมประชุม

พลเอกวัลลภ รักเสนาะ หัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนใต้ กล่าวว่า การดำเนินการของคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในปี 2566 นั้น ตลอดห้วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมามีกิจกรรมสำคัญซึ่งส่งผลต่อความคืบหน้าของกระบวนการพูดคุย คือ การพูดคุยแบบเต็มคณะที่ประเทศมาเลเซีย และการไปเยือนประเทศไทยของผู้อำนวยความสะดวกมาเลเซียท่านใหม่ 

"การพูดคุยแบบเต็มคณะนั้น ทั้งสองฝ่ายเห็นพร้อมในหลักการ 3 ประเด็น คือ การจัดทำแผนร่วมกันแบบองค์รวม หรือ JCPP โดยการกำหนดกรอบเวลาอย่างเป็นขั้นตอน และกรอบการทำงานของคณะทำงานทางเทคนิคเพื่อหารือนำเสนอการพูดคุยในครั้งต่อไป และเมื่อพูดถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาก็คงจะไม่พ้นการระเบิดขบวนรถของเจ้าหน้าที่ซึ่งนำไปสู่การสูญเสียบุคลากรที่เชี่ยวชาญเป็นบุคลากรที่มีคุณค่าอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนซึ่งน่าจะส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่และการทำมาหากินของประชาชนด้วยการปฏิเสธความรุนแรงนี้ ทุกคนสามารถแสดงออกได้โดยทันที ในส่วนการมาเยือนประเทศไทยของผู้อำนวยความสะดวก หลังได้รับตำแหน่งใหม่เมื่อวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา ตามคำเชิญของสมัชชาสันติภาพชายแดนใต้ปัตตานี เพื่อรับทราบสถานการณ์ปัจจุบันที่แท้จริงในพื้นที่ไว้เป็นข้อมูลในการทำงานโดยพบปะกลุ่มต่างๆ กว่า 33 กลุ่ม รับฟังปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยความเป็นกลางปราศจากวาระซ่อนเร้นใดๆ ซึ่งนั่นทำให้ท่านตระหนักได้ดีว่า "การสร้างการมีส่วนร่วมอย่างครอบคลุมเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างสันติสุขที่ยั่งยืน"

สำหรับประเด็นสำคัญในการประชุมคณะประสานงานระดับพื้นที่ครั้งนี้ คือ การจัดทำแผนปฎิบัติการร่วมเพื่อสร้างสันติสุขแบบองค์รวม (Joint Comprehensive Plan towards Peace) หรือ JCPP ซึ่งเป็นความก้าวหน้าในกระบวนการพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีเนื้อหาสำคัญ 2 ส่วน คือ การลดความรุนแรง ลดการเผชิญหน้าในพื้นที่ และการจัดการปรึกษาหารือกับประชาชน เพื่อนำไปสู่การแสวงหาทางออกทางการเมือง โดยมีกรอบเวลาในการดำเนินการเริ่มตั้งแต่ขั้นการจัดทำ JCPP และการนำไปสู่การปฏิบัติในปี 2566 และ ปี 2567 มีความคาดหวังว่าจะสามารถบรรลุฉันทามติในการยุติความขัดแย้งเพื่อสันติสุขที่ถาวรในพื้นที่ต่อไป ซึ่งคาดว่าตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2566 เป็นต้นไป และตลอดห้วงระยะเวลา 18 เดือนหลังจากนั้น จะมีสันติภาพเชิงลบ คือ การลดความรุนแรง และสันติภาพเชิงบวก คือ การปรึกษาหารือสาธารณะเพื่อหาทางออกจากประเด็นต่างๆ นำไปสู่การบรรลุข้อตกลงสร้างสันติสุขอย่างถาวรในสิ้นปี 2567 เกิดขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการปฏิบัติร่วมกันคิด ร่วมกันทำ ที่ไม่ใช่เพียงแต่คณะพูดคุย แต่เป็นการมีส่วนร่วมของประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากทุกภาคส่วนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยการแสดงพลังประชาชนในการปฏิเสธการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ

3 เดือน ที่ผ่านมาได้ลงพื้นที่ดำเนินงานสร้างสภาวะแวดล้อมที่เอื้อต่อการพูดคุยสันติสุข รับฟังปัญหา และสร้างความเข้าใจต่อประชาชน จนนำมาสู่การนำประเด็นปัญหาต่างๆ ของประชาชน มาร่วมหารือกับหัวหน้าพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ในการประชุม โดยการประชุมครั้งนี้ หัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้รับฟังข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ ต่อประเด็นสารัตถะทั้ง 3 ข้อ (การลดความรุนแรง, การปรึกษาหารือกับประชาชนในพื้นที่, การแสวงหาทางออกทางการเมือง) เพื่อให้การพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้เห็นผลเป็นรูปธรรมในอนาคตต่อไป

พลเอกวัลลภกล่าวสรุปว่า เน้นประเด็น JCPP เป็นภาพใหญ่ เป็นการลดความรุนแรงในภาพรวม

ด้านภาพรวมของการมาเยือนของตันศรีซึ่งได้รับทราบข้อมูลรอบด้านจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่โดยตรง เป็นประโยชน์ต่อการทำหน้าที่ของตันศรีที่จะรับทราบข้อเท็จจริง

"เราพยายามลงมาพบปะพี่น้องในพื้นที่โดยเฉพาะคณะสล 3 ในทุกเดือนเพื่อสื่อสารแลกเปลี่ยนกัน การสื่อสารในภาพรวมมีความต่อเนื่องและดีขึ้นเรื่อยๆ มีเลขาคณะพูดคุยสื่อสารทางเว็บไซต์และการพบกับประชาชน"

ในเรื่องที่บางส่วนมองว่าเป็นการประวิงเวลานั้น  พลเอกวัลลภบอกว่าจากการพูดคุยที่ผ่านมาเราพยายามแสดงให้เห็นว่าเรามีความมั่นใจในการพูดคุยแต่ละครั้ง

" JCPP เป็นการพิสูจน์ในเวลา 2 ปีซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ว่าไม่มีการปรับไม่ใช่การประวิงเวลา แต่ต้องการให้สันติสุขเกิดขึ้นโดยเร็ว 

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่กระทบต่อการพูดคุยแต่กระทบความรู้สึกของประชาชน ความคาดหวังอาจน้อยลง แต่เป็นปกติของกลุ่มผู้ก่อเหตุที่อาศัยความรุนแรงเป็นการต่อรอง เป็นการแสดงตัวตนของเขาตราบใดที่การพูดคุยสันติสุขยังไม่เกิด"

"ในการเลือกตั้งครั้งใหม่ที่จะเกิดขึ้นในเดือนนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงในคณะพูดคุยหากแต่เป็นแผนวาระแห่งชาติอยู่แล้วของสภาความมั่นคงแห่งชาติ การเปลี่ยนแปลงตัวบุคคลอาจเกิดขึ้นคนมาสานต่อใหม่ก็สามารถดำเนินการต่อไปได้อย่างรวดเร็ว"