ตำรวจสอบสวนกลางสกลัดแก๊งขนแรงงานเถื่อนคุม 13 รายผู้ต้องหา

ตำรวจสอบสวนกลางสกลัดแก๊งขนแรงงานเถื่อนคุม 13 รายผู้ต้องหา





ad1

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ภายใต้อำนวยการของ จับกุม นำโดย พ.ต.ท.อิทธิศักดิ์ ค้ำคูณ สว.ส.ทล.6 กก.2 บก.ทล. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส.ทล.6 กก.2 บก.ทล. ร่วมกันจับกุม

1. นายประเสริฐ (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี (ผู้ต้องหาที่ 1)
2. นายเรง​​ ไม่มีชื่อสกุล​ อายุ 28 ปี ​สัญชาติ เมียนมา​ (ผู้ต้องหาที่ 2)
​3. นายนาย​ ไม่มีชื่อสกุล​ อายุ 42 ปี​ สัญชาติ เมียนมา​ (ผู้ต้องหาที่ 3)
​4. นายซอ บี ทู​​ ไม่มีชื่อสกุล ​อายุ 23 ปี​ สัญชาติ เมียนมา​ (ผู้ต้องหาที่ 4)
5. นายโจ ปาย ​​ไม่มีชื่อสกุล​ อายุ 14 ปี ​สัญชาติ เมียนมา​ (ผู้ต้องหาที่ 5)
6. นายอัง ทู​ ไม่มีชื่อสกุล​ อายุ 25 ปี​ สัญชาติ เมียนมา​ (ผู้ต้องหาที่ 6)
7. นายจอ เร นาย​ ไม่มีชื่อสกุล​ อายุ 17 ปี ​สัญชาติ เมียนมา​ (ผู้ต้องหาที่ 7)
8. นายโซ๊ะ โพ๊ะ แอ๊ะ​ ไม่มีชื่อสกุล​ อายุ 18 ปี สัญชาติ เมียนมา​ (ผู้ต้องหาที่ 8)
9. นายอะ จอ ​​ไม่มีชื่อสกุล ​อายุ 32 ปี​ สัญชาติ เมียนมา​ (ผู้ต้องหาที่ 9)
​10. นายชิ ซา มอ​ ไม่มีชื่อสกุล​ อายุ 24 ปี​ สัญชาติ เมียนมา​ (ผู้ต้องหาที่ 10)
11. นางทวย​ไม่มีชื่อสกุล​อายุ 30 ปี​ สัญชาติ เมียนมา​ (ผู้ต้องหาที่ 11)
12. น.ส.มิ โซ​ ไม่มีชื่อสกุล​ อายุ 23 ปี​ สัญชาติ เมียนมา (​ผู้ต้องหาที่ 12)
​13. น.ส.ดี เซง บา​ ไม่มีชื่อสกุล​ อายุ 23 ปี​ สัญชาติ เมียนมา​ (ผู้ต้องหาที่ 13)
14. น.ส.ยุ อัง​ ไม่มีชื่อสกุล​ อายุ 24 ปี​ สัญชาติ เมียนมา​ (ผู้ต้องหาที่ 14)
 
โดยกล่าวหาว่า ผู้ต้องหาที่ 1 กระทำความผิดฐาน “ช่วยเหลือซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้บุคคลต่างด้าวที่หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย พ้นจากการจับกุม” ​ผู้ต้องหาที่ 2-14 กระทำความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามา หรืออยู่ในราชอาณาจักรไทย โดยไม่ได้รับอนุญาต” สถานที่จับกุม ทางหลวงหมายเลข 340 กม.43 (ขาเข้า กทม.) ต.สาลี อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี

พร้อมด้วยของกลาง
1. โทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง
2. รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล สีขาว จำนวน 1 คัน  
3. กุญแจรถรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล จำนวน 1 ดอก
4. แผ่นป้ายทะเบียน จำนวน 1 แผ่น  
5. สมุดบัญชีเงินฝากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ชื่อบัญชี นายประเสริฐฯ  
6. สมุดบัญชีเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ ชื่อบัญชี นายประเสริฐฯ

 พฤติการณ์ สืบเนื่องจากตามนโยบายของผู้บังคับบัญชาที่ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงดำเนินการออกกวดขันปราบปรามบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ออกตรวจพื้นที่บริเวณทางหลวงหมายเลข 340 (ขาเข้า กทม.) กม.43 ต.สาลี อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี โดยขณะออกตรวจได้พบรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มีการต่อเติม (เสริมกระบะข้าง) ซึ่งมีผ้าใบสีดำปิดคลุมกระบะบรรทุกไว้ ลักษณะต้องสงสัยว่ามีการบรรทุกบุคคลต่างด้าวที่หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทย เจ้าหน้าที่จึงได้ให้สัญญาณเพื่อเรียกให้รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลคันดังกล่าวหยุด โดยจากการตรวจสอบพบ นายประเสริฐฯ เป็นผู้ขับขี่ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงขอตรวจสอบใบอนุญาตขับรถ โดยขณะตรวจสอบ  นายประเสริฐฯ มีพิรุธ แสดงอาการกระวนกระวาย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงขอตรวจค้นรถยนต์คันดังกล่าว ผลการตรวจค้นพบบุคคลต่างด้าว จำนวน 13 คน แยกเป็นชาย จำนวน 9 คน และหญิงจำนวน 4 คน ตรวจสอบแล้วเป็นบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา นั่งซุกซ่อนอยู่ด้านท้ายกระบะที่มีผ้าใบสีดำปิดอยู่ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปยังหน่วยบริการฯ ตำรวจทางหลวงสาลี

จากการสอบถามนายประเสริฐฯ ให้การว่าตนได้รับตัวบุคคลต่างด้าว จำนวน 13 คน มาจากต้นทางบริเวณป่าละเมาะ ริมทางหลวงหมายเลข 1351 ต.หนองบัวใต้ อ.เมืองตาก จ.ตาก และออกเดินทางจาก อ.เมืองตาก จ.ตาก เวลาประมาณ 05.30 น. ของวันที่ 11 มี.ค.66 โดยใช้เส้นทางการขนย้ายบุคคลต่างด้าวผ่าน ทางหลวงหมายเลข 1 จ.กำแพงเพชร – ถนนเลี่ยงเมืองทางหลวงหมายเลข 122 จ.นครสวรรค์ – ทางหลวงหมายเลข 1 จ.ชัยนาท – ทางหลวงหมายเลข 340 จ.สุพรรณบุรี มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ โดยระหว่างเดินทาง มีนายเอ็มฯ (ไม่ทราบชื่อ-สกุลจริง) เป็นผู้โทรสอบถามความคืบหน้าการขนย้ายบุคคลต่างด้าวผ่านทางโทรศัพท์มือถือ นอกจากนี้นายประเสริฐฯ ยังให้การว่าตนรับจ้างขนย้ายบุคคลต่างด้าวในครั้งนี้ ได้รับค่าจ้างหัวละ 2,000 บาท โดยรับจ้างขนย้ายบุคคลต่างด้าวมาแล้วจำนวน 3 ครั้ง โดยการขนย้ายบุคคลต่างด้าวทั้ง 3 ครั้งนั้น ได้รับงานมาจากนายเอ็มฯ อีกทั้งตนยังเคยถูกจับกุมในข้อหา “ร่วมกันนำพาหรือพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายฯ” ในพื้นที่รับผิดชอบ สภ.วังเจ้า จ.ตาก เมื่อวันที่ 20 ม.ค.66

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมด พร้อมตรวจยึดของกลางที่ใช้ในการ กระทำความผิด ส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางปลาม้า เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป