ตำรวจบุกรวบปลัดอำเภอเมืองกระบี่ เรียกรับผลประโยชน์ ขอต่อใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม

ตำรวจบุกรวบปลัดอำเภอเมืองกระบี่ เรียกรับผลประโยชน์ ขอต่อใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม





ad1

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ รรท.ผบก.ปปป., พ.ต.อ.สมยศ ร่มสน, พ.ต.อ.อภิชาต โพธิ์จันทร์ รอง ผบก.ปปป., พ.ต.อ.สมศักดิ์  เนียมเล็ก ผกก. (กลุ่มงานสอบสวน) ฯ รรท.ผกก.๕ บก.ปปป. ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. โดย นายเอกชัย เกษมสุขธวัช ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., พ.ต.ท.สราวุธ คำเหลือง รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกองอำนวยการต่อต้านการทุจริต ,ร.ท.กานต์ ทับประยูร นักสืบสวนสอบสวนชำนาญ และ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายนิวัติไชบ เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช., นายศรชัย ชูวิเชียร ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดย ป.ป.ช.จังหวัดกระบี่

ร่วมกันจับกุม นางสาวฐิฌาพรฯ อายุ 42 ปี (ปลัดอำเภอเมืองกระบี่)  โดยกล่าวหาว่ากระทำผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ และ “ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 มาตรา 157 และ เป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใด ในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ,เป็นเจ้าพนักงานของรัฐ เรียก รับหรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561  มาตรา 172 , 173

พฤติการณ์  กล่าวคือเมื่อช่วงเดือน สิงหาคม 2565 ผู้เสียหายได้ประกอบธุรกิจโรงแรม ในพื้นที่ ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ ได้มอบหมายให้ผู้จัดการฯ ไปทำการยื่นคำร้องขอต่อใบอนุญาตธุรกิจโรงแรม และดำเนินการขออนุญาตเพิ่มจำนวนห้องพักโรงแรม ต่อเจ้าหน้าที่ ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองกระบี่

ขณะนั้นผู้ต้องหา ได้ปฏิบัติราชการแทนนายอำเภอเมืองกระบี่ เป็นผู้มีอำนาจลงนามในหนังสือรับรองการยื่นเรื่องขอต่อใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม  แต่หลังจากได้ยื่นคำร้องผ่านไปหลายเดือน ทางโรงแรมยังไม่ได้รับเอกสารการต่ออายุใบอนุญาตแต่อย่างใด จนกระทั่ง เดือนพฤษภาคม 2566 ผู้ต้องหาได้แจ้งว่าการดำเนินการต่อใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมนั้น ต้องมีค่าใช้จ่าย เป็นเงินจำนวน 100,000 บาท ให้ผู้เสียหายนำมามอบให้ผู้ต้องหา โดยอ้างว่าเป็นเงินที่ต้องดูแลเจ้านายข้างบน หากทางผู้เสียหายไม่ส่งมอบเงินดูแลตามที่ขอ ก็จะไม่ให้ส่งเรื่องขึ้นไป

ผู้เสียหายเห็นว่าเป็นเรื่องที่ผิดต่อกฎหมาย จึงให้พนักงานไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป) เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาตามกฎหมาย   

ต่อมาได้มีการวางแผน ให้ผู้เสียหายนำเงิน จำนวน 100,000 บาท ตามที่ผู้ต้องหาเรียกรับเงิน โดยได้นัดหมายส่งมอบเงินดังกล่าวที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง เวลาประมาณ 17.00 น. โดยก่อนทำการส่งมอบเงินดังกล่าวได้ถ่ายสำเนาเอกสาร พร้อมลงประจำวันไว้เป็นหลักฐาน

จนเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2566 เวลาประมาณ 17.30 น.  ผู้เสียหายได้นำเงินมามอบให้ผู้ต้องหาตามที่ได้นัดหมายไว้ โดยมีเจ้าหน้าที่ฯ เฝ้าสังเกตการณ์อยู่บริเวณโดยรอบ และเมื่อผู้เสียหายได้ส่งมอบเงินแล้วเดินออกจากสถานที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ฯ จึงได้เข้าแสดงตัวเข้าทำการจับกุมตัวผู้ต้องหาพร้อมด้วยของกลางเงินสด จำนวน 100,000 บาท จากการตรวจสอบธนบัตรต่อหน้าผู้ต้องหา พบว่าเป็นธนบัตรฉบับเดียวกันกับที่ผู้กล่าวหานำไปลงบันทึกประจำวันไว้ก่อนหน้านี้ทุกฉบับ 

เจ้าหน้าที่ฯ จึงได้ทำการจับกุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกระบี่ เพื่อลงประจำวัน ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปปป. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป จากการสอบถามผู้ต้องหา ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา