UNICEF หารือ ศอ.บต. ผนึกกำลัง สร้างโอกาสเด็กไทยชายแดนใต้ ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี

UNICEF หารือ ศอ.บต. ผนึกกำลัง สร้างโอกาสเด็กไทยชายแดนใต้ ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี





ad1

เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2566 นายบุญพาศ รักนุ้ย รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พร้อมด้วยนางกนกรัตน์ เกื้อกิจ ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. (กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์) ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับนางสาวเซฟเวอรีน ลิโอนาดี รองผู้แทน UNICEF ประจำประเทศไทย เพื่อเข้าเยี่ยมคารวะและหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านเด็กและเยาวชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอดจนโครงการพัฒนาที่เกี่ยวข้อง ณ ห้องรับรอง ชั้น 3 อาคารอเนกประสงค์ ศอ.บต.

นางสาวเซฟเวอรีน ลิโอนาดี รองผู้แทน UNICEF ประจำประเทศไทย กล่าวว่าการเดินทางลงมาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ครั้งนี้เป็นครั้งแรกรู้สึกประทับมากที่ได้เห็นสภาพแวดล้อมของพื้นที่รวมไปถึงความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนงานด้านต่าง ๆ เป็นอย่างดี ซึ่งการช่วยเหลือเด็กและเยาวชนในพื้นที่ถือเป็นหัวใจสำคัญและเป็นเรื่องที่จะละเอียดอ่อนมากเนื่องจากพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นับเป็นพื้นที่พิเศษที่จะต้องใช้กลไกสำคัญในการขับเคลื่อนแต่เชื่อว่าที่ผ่านมาศอ.บต.และทุกภาคส่วนได้ทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถเพื่อสร้างโอกาสและยกระดับคุณภาพชีวิตของเด็กและเยาวชนให้ดีขึ้น

ด้านนางกนกรัตน์ เกื้อกิจ ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. (กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์)  กล่าวว่า ที่ผ่านมา ศอ.บต. ได้มีการขับเคลื่อนแนวทางการช่วยเหลือเด็กและเยาวชนโดยเชื่อมโยงกับหลายโครงการ  ของศอ.บต. เช่นโครงการ 1 ข้าราชการ 1 ครัวเรือนยากจนซึ่งเป็นโครงการที่ให้ข้าราชการในศอ.บต.ดูแลด้านคุณภาพชีวิตของครัวเรือนที่ตกอยู่ในเกณฑ์ซึ่งมีฐานะยากจนรวมถึงเป็นครัวเรือนที่มีเด็กกำพร้าและต้องได้รับการช่วยเหลือคุ้มครองด้านสิทธิต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีโครงการตำบลคุ้มครองเด็กที่อยู่ภายใต้โครงการตำบลมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน นำร่องใน 15 ตำบล ขับเคลื่อนผ่านสภาสันติสุขตำบลร่วมกับกลุ่มสตรีและเครือข่ายภาคประชาสังคมที่ผ่านการอบรมฝึกทักษะกระบวนต่าง ๆ ในการเป็นเครื่องมือและกลไกสำคัญเพื่อให้ทุกตำบลได้มีบทบาทการมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือและปกป้องเด็กเปราะบางในพื้นที่

อีกทั้งยังได้มีแนวทางการช่วยเหลือกลุ่มเด็กกำพร้าในพื้นที่และเด็กไทยที่อยู่ในประเทศมาเลเซียที่ไม่ได้รับการดูแลด้านสวัสดิการจากรัฐบาลไทยหรือมาเลเซียเนื่องจาก 2 ประเทศมีกฎหมายที่ต่างกันรวมถึงการช่วยเหลือเด็กที่ถูกสอบปากคำในคดีความมั่นคงซึ่งเป็นงานของสหวิชาชีพที่ศอ.บต.จะร่วมกันหาทางออกเพื่อไม่ให้เด็กและเยาวชนกลุ่มนี้กลับเข้าสู่กระบวนการและได้รับการศึกษาที่ดีจนทำให้มีอาชีพมีรายได้และเป็นคนดีของสังคมนั่นคือหัวใจสำคัญของการพัฒนาพื้นที่

ขณะที่นายบุญพาศ รักนุ้ย รองเลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวขอบคุณผู้แทนองค์กร UNICEF ที่ได้ให้ความสำคัญต่อเด็กและเยาวชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งศอ.บต. ได้ขับเคลื่อนงานด้านเด็กและเยาวชนมาอย่างต่อเนื่อง                  โดยเฉพาะเด็กที่ประสบปัญหาหรือได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบจนสูญเสียพ่อแม่หรือผู้นำครอบครัวทำให้ต้องอาศัยอยู่กับญาติหรือผู้สูงอายุจนขาดการเลี้ยงดูอย่างใกล้ชิดส่งผลให้มีผลกระทบทั้งด้านสุขอนามัย สุขภาพร่างกาย           ตลอดจนการศึกษาที่ควรจะได้รับตามความเหมาะสมในช่วงอายุนั้น สิ่งเหล่านี้ถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่ทุกภาคส่วนจะต้องช่วยกัน เชื่อว่าอนาคตหากศอ.บต.และองค์กร UNICEF ได้ร่วมมือกันผลักดันจะสามารถช่วยกันแก้ไขปัญหาของเด็กและเยาวชนได้อย่างดีที่สุด