"เศรษฐา" ชูหลักการห้ามพรรคเก่าคุมกระทรวงเดิม ยึดนโยบายรวม-ความคาดหวังผลงานเป็นสำคัญ

"เศรษฐา" ชูหลักการห้ามพรรคเก่าคุมกระทรวงเดิม ยึดนโยบายรวม-ความคาดหวังผลงานเป็นสำคัญ





ad1

นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า พรรคเพื่อไทยรวบรวมเสียงโหวตแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้ 315 เสียงว่า เสียง 300 ต้นๆ ถือว่ามีเสถียรภาพ แต่พรรคร่วมรัฐบาลต้องมาพูดคุยถึงนโยบายรวมที่จะเป็นนโยบายรัฐบาลให้ดี 

เมื่อถามว่าการมาเป็นนายกฯขณะที่ประเทศเจอวิกฤติเช่นนี้เหนื่อยหรือไม่ นายเศรษฐา ตอบว่า การเป็นผู้นำรัฐบาล การทำงาน การเมือง มองว่าเหนื่อยตลอด คณิตศาสตร์ตัวเลขเลือกตั้งที่ออกมายิ่งทำให้เหนื่อย มันจะง่ายขึ้นถ้าพรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์ แต่ทำไม่ได้ เราก็ต้องยอมรับ อยู่กับความเป็นจริงว่าไม่ได้แลนด์สไลด์ พรรคจะเข้ามาร่วมรัฐบาลต้องเข้าใจปัญหาในปัจจุบัน ทั้งความเป็นอยู่ประชาชน ปัญหารัฐธรรมนูญ ความขัดแย้งด้านความคิด เชื่อว่าทุกพรรคเข้าใจดี

นายเศรษฐากล่าวว่า มั่นใจว่าผ่านการเลือกตั้งมาแล้ว 3 เดือน นักการเมืองและทุกพรรคการเมืองตกผลึกกันแล้วว่ามันยากลำบาก หน้าที่ผู้นำรัฐบาลต้องพยายามหล่อหลอมให้ทุกคนเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันไปสู่จุดมุ่งหมาย เมื่อถามว่ามีเงื่อนไขไม่ให้พรรคเดิมบริหารกระทรวงเดิมหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า มองว่าเป็นหลักการหนึ่งที่เป็นประโยชน์

 เมื่อถามว่าถ้าได้เป็นนายกฯจะเลือกคนที่จะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีเองหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า ต้องพูดคุยกัน ให้เกียรติพรรคร่วมรัฐบาลด้วย ตรงนี้สำคัญ เมื่อถามว่าบางคนถูกสังคมตั้งคำถามเรื่องความเหมาะสมจะคัดเลือกอย่างไรให้ ครม.สง่างาม นายเศรษฐาตอบว่า ต้องให้เกียรติผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อด้วย หากใครมีคดีความต้องไปว่าตามกฎหมาย ถ้าเป็นไปได้ก็เป็นไปได้ 

เมื่อถามว่าการมีพรรคร่วมจำนวนมากรัฐบาลจะไปรอดหรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า นโยบายรวมเป็นเรื่องสำคัญ การพูดคุยกันก่อน ความคาดหวังผลงานแต่ละกระทรวง เป็นเรื่องที่ต้องพูดคุยตกลงกัน ต้องตั้งเป้าหมายให้เป็นจริง มีระยะเวลาแต่ละภารกิจชัดเจน จะได้ไม่ต้องมาทะเลาะกัน อย่าบอกว่ารัฐมนตรีมาจากพรรค ก หรือ ข แต่เราเป็นรัฐบาลประเทศไทย ถือเป็นภารกิจร่วม