ตำรวจบุกรวบโจรแสบแฝงตัวตีสนิทช่วยดูแลแม่ป่วยสบโอกาสฉกทรัพย์กวาดนับ 10 ล้าน พบประวัติลักทรัพย์เพียบ

ตำรวจบุกรวบโจรแสบแฝงตัวตีสนิทช่วยดูแลแม่ป่วยสบโอกาสฉกทรัพย์กวาดนับ 10 ล้าน พบประวัติลักทรัพย์เพียบ





ad1

กองบัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม ภายใต้การอํานวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นําโดย พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.6 บก.ป., พ.ต.ท.วริศร มัจฉา รอง ผกก.6 บก.ป., พ.ต.ท.ทศพล กิติลาภ, พ.ต.ต.ธนาคาร อุชณรัศมี สว.กก.6 บก.ป., ร.ต.อ.อนุวัฒน์ ณ ปัตตานี, ร.ต.อ.ฟ้าปรเมศวร์ ภูรินท์ชินธนโชติ, ร.ต.ท.พัทธ์ดนย์ พูลพิพัฒน์ รอง สว.กก.6 บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ตํารวจ กก.6 บก.ป.

ร่วมกันจับกุม นายศุภนรินทร์ฯ อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดพัทลุง ที่ 70/2566 ลง 7 มีนาคม 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทําความผิดฐาน “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน” สถานที่จับกุม ห้องพักแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 21 ก.พ.66 ผู้เสียหายได้ร้องสื่อมวลชนขอความช่วยเหลือ หลังเข้าแจ้งความเพื่อดําเนินคดีกับนายศุภนรินทร์ฯผู้ต้องหาซึ่งขอมาอยู่อาศัยด้วยที่บ้านพร้อมทําทีช่วยดูแลคุณแม่ของผู้เสียหาย ที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง จนครอบครัวหลงเชื่อใจ ก่อนที่นายศุภนรินทร์ฯ ผู้ต้องหารายนี้จะ เชิดเงินทองพร้อมทรัพย์สินมีค่าเป็นทองคําแท่งทองรูปพรรณและเครื่องเพชรหนีไป

นอกจากนี้ยังยกเค้าที่บ้าน ญาติของผู้เสียหายเพิ่มเติมอีก โดยได้ทรัพย์สินไปรวมมูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท จึงเข้าแจ้งความ ร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนสภ.เมืองพัทลุงไว้ ต่อมาพนักงานสอบสวนได้รวมรวมพยานหลักฐานขอศาลออก หมายจับผู้ต้องหา แต่ขณะนั้นยังไม่สามารถติดตามจับกุมตวั ผู้ต้องหามาดําเนินคดีได้ ผู้เสียหายจึงได้มายื่นเรื่อง ร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตํารวจกก.6บก.ป.ให้ช่วยสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหามาดําเนินคดีตามกฎหมาย

หลังจากได้รับเรื่อง เจ้าหน้าที่ตํารวจ กก.6 บก.ป. จึงได้ติดตามสืบสวนแกะรอยตัวผู้ต้องหาตลอดมา พบว่า ผู้ต้องหาไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง มักจะย้ายที่อยู่ไปในพื้นที่หลายจังหวัด โดยล่าสุดสามารถสืบสวนแกะ รอยจนทราบว่า ผู้ต้องหาหลบหนีมากบดานอยู่ที่ห้องพักของโรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จึงได้ร่วมกันวางแผนและเข้าทําการจับกุม เมื่อเจ้าหน้าที่ตํารวจเข้าไปตรวจสอบยัง ห้องพักดังกล่าว พบผู้ต้องหาพักอาศัยอยู่ภายในห้องจึงเข้าจับกุมตัว พร้อมตรวจสอบภายในห้องพัก

พบทรัพย์สินจํานวนหนึ่ง ซึ่งเป็นของที่ถูกขโมยมาจากผู้เสียหาย เจ้าหน้าที่ตํารวจจึงได้ตรวจยึดไว้เป็น ของกลาง พร้อมจับกุมตัวผู้ต้องหารวมทั้งของกลางนําตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทลุง เพื่อดําเนินคดี ตามกฎหมายต่อไป

สอบถามคําให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การปฏิเสธข้อหา ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยให้การรับว่า ผู้ต้องหาได้ลักทรัพย์สินของผู้เสียหายมาจริง แต่ก่อเหตุในช่วงเวลากลางวัน โดยทรัพย์สินที่ได้นําไปขายในสื่อ สังคมออนไลน์จนเกือบหมดแล้ว เหลือแค่บางชิ้นที่ตํารวจตรวจยึดได้

หลังจากก่อเหตุที่พัทลุงแล้ว ผู้ต้องหา ได้หลบหนีมากบดานที่กรุงเทพมหานคร, อุบลราชธานีและตรัง ก่อนจะหลบหนีมาอยู่ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ได้ประมาณ 2 สัปดาห์ และกําลังเตรียมที่จะหลบหนีไปอยู่ที่อื่น แต่มาถูกเจ้าหน้าที่ตํารวจจับกุมได้เสียก่อน

จากการตรวจสอบประวัติคดีของผู้ต้องหาพบเคยก่อเหตุคดีลักทรัพย์และฉ้อโกง ในหลายท้องที่ หลาย จังหวัด รวมทั้งสิ้น 8 คดี ได้แก่
1) พ.ศ.2559 ในท้องที่ สน.บางยี่ขัน ความผิดฐาน ลักทรัพย์ในเคหะสถานฯ
2) พ.ศ.2559 ในท้องที่ สภ.เมืองสมุทรปรากร ความผิดฐาน ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน
3) พ.ศ.2559 ในท้องที่ สน.ทองหล่อ ความผิดฐาน ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน
4) พ.ศ.2559 ในท้องที่ สน.ชนะสงคราม ความผิดฐาน ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน
5) พ.ศ.2559 ในท้องที่ สน.ดินแดง ความผิดฐาน ฉ้อโกง
6) พ.ศ.2559 ในท้องที่ สภ.เมืองปราจีนบุรี ความผิดฐาน ฉ้อโกง
7) พ.ศ.2559 ในท้องที่ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ ความผิดฐาน ฉ้อโกง พ.ศ.2559 ในท้องที่ สภ.เมืองพัทลุง ความผิดฐาน ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน (คดีนี้) โดยผู้ต้องหาเคยถูกจับกุมตามหมายจับของ สน.ทองหล่อ เมื่อ พ.ศ.2559 และถูกพิพากษาจําคุก ในคดีอื่นๆ (คดีที่ 1-7) ทั้งหมดที่เคยก่อเหตุ ตั้งแต่ พ.ศ.2559 รวมทั้งสิ้น 7 ปี เพิ่งพ้นโทษออกมาเมื่อต้นปี พ.ศ. 2565 ก่อนจะเข้ามาอยู่ในบ้านของผู้เสียหายและมาก่อเหตุซ้ำนับว่ามีประวัติคดีเกี่ยวกับทรัพย์ มาอย่างโชกโชน