'รทสช.'เปิดเหตุผลคัดเลือก 4 รมต.ร่วมรัฐบาลเดินหน้าขับเคลื่อนประเทศชาติและทำเพื่อประชาชน

'รทสช.'เปิดเหตุผลคัดเลือก 4 รมต.ร่วมรัฐบาลเดินหน้าขับเคลื่อนประเทศชาติและทำเพื่อประชาชน





ad1

สส.รวมไทยสร้างชาติรับทราบมติกรรมการบริหารพรรคส่ง 4 รัฐมนตรีร่วมจัดตั้งรัฐบาลเดินหน้าทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชน

เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2566 ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) มีการประชุม คณะกรรมการประสานงานและสส.พรรครวมไทยสร้างชาติ โดยมี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค ทำหน้าที่ประธานที่ประชุมในที่ประชุม มีสส.ของพรรคเข้าประชุมอย่างพร้อมเพรียง

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมว่า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค และเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรคได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงผลการพิจารณาของคณะกรรมการบริหารพรรคที่คัดเลือกผู้เหมาะสมไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีของพรรคทั้งหมด 4 คนซึ่งได้ส่งรายชื่อไปให้กับทางแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว

นายอัครเดช กล่าวว่า พรรครวมไทยสร้างชาติได้ส่งรายชื่อนายพีระพันธุ์ไปดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล สส.นครศรีธรรมราช ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายอนุชา นาคาศัย สส.ชัยนาทดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายกฤษฏา จีนะวิจารณะ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นโควตาคนนอก

ทั้งนี้ พรรคได้พิจารณาบุคคลที่เหมาะสมมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีทั้งคนในและคนนอก เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนและประเทศชาติอย่างสูงสุด สำหรับการนำคนนอกเข้ามาเป็นรัฐมนตรีได้พิจารณาจากบุคคลที่มีความเหมาะสมมีความรู้ความสามารถในกระทรวงที่ได้รับมอบหมายมา จึงได้พยายามหาคนที่มีความรู้ความสามารถสามารถขับเคลื่อนงานของกระทรวงการคลังเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน

โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวย้ำว่า การเลือกคนในมาเป็นรัฐมนตรีพรรคพิจารณาจากสส.เขตที่ทำงานใกล้ชิดกับประชาชน มีความเหมาะสมในเรื่องความรู้ความสามารถ และสิ่งสำคัญเอาผู้ที่เป็นสส.มาหลายสมัยมาเป็นตัวพิจารณาด้วย โดยพิจารณาควบคู่ไปในหลายๆ ด้าน จึงได้สส.เขตทั้ง 2 คนมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี โดยที่ประชุมพรรคมีความเห็นร่วมกันให้ทั้ง 4 คนไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ในคณะรัฐมนตรีที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่เพื่อร่วมเดินหน้าขับเคลื่อนประเทศจะได้ร่วมกันสร้างผลงานให้พี่น้องประชาชนส่งผลให้พรรคเข้มแข็งและทำงานให้กับประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพตามเป้าหมายของพรรคต่อไป