วอนช่วย เด็ก 1 ปีเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย อาศัยในเพิงสังกาสี

วอนช่วย เด็ก 1 ปีเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย อาศัยในเพิงสังกาสี





ad1

เพิงสังกะสีเล็กๆ กว้างประมาณ 1 เมตร ยาว 3 เมตร ใช้กำแพง 2 ฝั่งจากบ้านข้างๆ มุงลังคาด้วยสังกะสีผุๆ ตั้งอยู่ในพื้นที่ ม.4 ต.ท่ากำชำ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี นางสูมัยยะ สามะแอ  อายุ 24 ปี คือเจ้าของบ้านอาศัยอยู่กับ นายสุไลหมาน สะแลแม สามี พร้อมลูกชาย 3 คนๆโต 6 ปี คนที่ 2 อายุ 3 ปีและคนที่ 3 ด.ช.อารอฟัต สะแลแม อายุ 1 ปี 8 เดือนป่วยเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้าย  พวกเขาต้องใช้ชีวิตท่ามกลางสังคมที่ร้อนระอุด้วยสถานการณ์ความไม่สงบล้อมรอบพื้นที่มาอย่างต่อเนื่องยาวนาน อีกทั้งยังต้องสู้ชีวิตเพื่อรักษาลูก ที่ป่วยเป็นมะเร็ง หนำซ้ำพวกเขายังต้องเลี้ยงพ่อพิการทางสายตาอีกด้วย

นางสูมัยยะ เล่าว่าเมื่อสองเดือนก่อนได้พาลูกชายคนเล็กไปโรงพยาบาลในพื้นที่แรกๆหมอบอกว่าเป็นต่อกระจกให้ยาหยอดตามาใส่ต่อมาไม่นาน อาการยิ่งหนักก็พาไปหาหมออีก คราวนี้หมอส่งไปโรงพยาบาลในเมืองและส่งต่อรักโรงพยาบาลมอ.หาดใหญ่ จึงได้รู้ว่าลูกเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย นอนโรงพยาบาลได้ 4 วัน ตาระเบิด มีน้ำเหลืองและก่อนเนื้อออก ส่วนตาอีกข้างก็ปิดสนิท ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะยังมองเห็นได้อีกไม่ชีวิตนี้ของเขา นอกจากนั้นล่าสุดก็ยังมีก้อนเนื้อในช่องปาก ช่วงที่อาการหนักสองสามวันมานี้ ไม่สามารถปิดปากได้เลยแต่วันนี้อาการดีขึ้นสามารถนั่งเล่น กินนมได้ปกติ

ทุกๆเดือนจะต้องไปหาหมอตามนัดที่โรงพยาบาลมอ. หาดใหญ่ จะเดินทางด้วยรถรับจ้างไปกลับพร้อมสามีด้วยต้องใช้จ่ายค่ารถสองคน 800 บาท กินข้าวกินน้ำ ระหว่างวันอีกรวมๆแล้วแต่ละครั้งต้องมีเงินไม่ต่ำกว่า1,000 บาทถึงจะไปได้ ถ้าไม่มีก็ไปไม่ได้ บางเดือนก็จะมีค่ายานอกระบบด้วยก็พยายามคุยกับหมอๆก็ลดให้ วันไหนไม่มีก็ต้องหายืมลำพังสามีทำงานรับจ้างก่อสร้างได้วันละ 350 บาทต้องใช้จ่ายหลายอย่างและวันที่ไปโรงพยาบาลก็ไม่มีรายได้ แต่พวกเราก็รู้สึกยังโชคดี คนที่นี้เขาก็ช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ก็มาเยี่ยมมาให้กำลังใจ ก่อนที่จะร้องเรียนก็ได้ปรึกษาอบต.แล้วเขาก็รับทราบ มีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล พมจ.ปัตตานีมาเยี่ยม ทำให้มีกำลังใจสู้ แต่ถ้าเป็นไปได้ อยากขอให้โรงพยาบาลมอ.ส่งยามาโรงพยาบาลปัตตานี เพื่อที่จะลดรายจ่ายในส่วนของค่าเดินทาง ถ้าไม่ได้ ก็อยากขอความช่วยเหลือจากผู้ใจบุญช่วยเหลือ ค่าเดินทางระหว่างไปหาหมอที่โรงพยาบาลมอ.หาดใหญ่  

 ถ้าเป็นไปได้อยากได้บ้านที่มั่นคงกว่านี้ ให้ลูกได้อยู่ เวลาฝนตกนอกจากจะต้องหาที่หลบแล้วก็ต้องหาถังมารองน้ำคอยเทออกถ้าฝนตกเวลากลางคืนก็แทบไม่ได้นอนกันเลย มีความหวังว่า จะสามารถทำงานหาเงินมาสร้างบ้านที่ดีกว่านี้ หรือถ้ามีผู้ใจบุญจะช่วยเหลือก็จะดีใจ  ตอนนี้พ่อ นายตอปา สามะแอ อายุ 56 ปี ที่พิการทางสายตา ต้องไปนอนในเรือริมคลอง เพราะนอนที่นี้ไม่จุ ตนยังภาวนาด้วยว่าถ้ามีกำลังจะส่ง นายมูฮัมหมัดสุกรี วาแตบือแง อายุ 15 ปี เรียนหนังสือ เขาเป็นลูกของน้าพ่อแม่แยกทาง แม่เขาไปทำงานมาเลเซียตั้งแต่เขายังเล็กจนตอนนี้ก็ไม่ได้กลับมาส่วนพ่อก็ไม่รู้อยู่ที่ไหน เขาอาศัยอยู่กับยาย นางแมะ สามะแอ อายุ 75 ปี ยายไม่มีเงินส่งเขาเรียนหนังสือ ก็อยากช่วยพวกเขาให้มีความรู้เพราะถ้าไม่เรียนเดียวจะไปเข้าลุ่มยาเสพติดปัญหาอื่นจะตามมาอีก แต่ตอนนี้ตนก็ลำบากถ้าตนและสามีมีกำลังก็อยากช่วยเขา

ก็ต้องขอบคุณน้ำใจทุกคนที่ช่วยเหลือลูก และขอบคุณ สำนักข่าวอิศรา เนชั่นทีวี  นายธีระชัย รัตนกมลพร ผู้ก่อตั้งบริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) นายฐกร รัตนกมลพร และ พญ. สุรางคณา -  นพ.ชัยวัฒน์  เตชะไพฑูรย์ และศูนย์พัฒนาอาชีพ กลุ่มร่วมด้วยช่วยกันชายแดนใต้ ที่ให้ความช่วยเหลือในทุกมิติ

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า ศูนย์พัฒนาอาชีพ กลุ่มร่วมด้วยช่วยกันชายแดนใต้ ยังให้ความช่วยเหลือเด็ก ที่ ป่วยต้องรักษาตัวอีกจำนวน  95 ราย ส่วนมากป่วยเป็นมะเร็ง และต้องรักษาอาการอย่างต่อเนื่อง