เลขาธิการสภาอุตอีสานจี้รัฐแถลงผลการคุยกับบริษัทยักษ์ใหญ่อเมริกา

เลขาธิการสภาอุตอีสานจี้รัฐแถลงผลการคุยกับบริษัทยักษ์ใหญ่อเมริกา





ad1

นครราชสีมา –เลขาธิการสภาอุตสาหกรรมอีสาน คาใจ นายกฯ “เศรษฐา” ไปคุยกับบริษัทยักษ์ใหญ่อเมริกา แต่ไร้ข้อสรุปว่าได้ผลอย่างไรบ้าง จี้รัฐบาลแถลงให้ประชาชนรับรู้ด้วย หวั่นไม่คุ้มเงินบินเหมาลำไป

เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2566 นายหัสดิน สุวัฒนะพงศ์เชฏ เลขาธิการสภาอุตสาหกรรมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวถึงภารกิจการเดินทางไปประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญครั้งที่ 78 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 18-22 ก.ย.66 ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลังว่า การเดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกาของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ ทางรัฐบาลแถลงว่ามีภาระกิจอยู่ 3 ด้าน ได้แก่ ด้านแรกเป็นการประชุมพหุภาคี ที่สหประชาชาติ ด้านที่ 2 เป็นการประชุมทวิภาคีกับผู้นำประเทศหลายชาติ อาทิ เกาหลีใต้ มาเลเซีย และเวียดนาม เป็นต้น 

ทั้งนี้รวมถึงมีการพบกับเลขาธิการสหประชาชาติ ซึ่งก็ถือว่าเป็นแนวความคิดที่ดี และด้านที่ 3 ทางโฆษกรัฐบาลแถลงว่า มีการพบกับผู้นำบริษัทขนาดใหญ่ของสหรัฐอเมริกา เช่น แบล็คร็อค, สเปชเอ็กซ์, ไมโครซอล์ฟ, โกลด์แมน แซคส์, และกูเกิ้ล เป็นต้น ซึ่งการที่มีภารกิจค่อนข้างมาก ในเวลาที่จำกัด ทำให้ตนเองรู้สึกเป็นห่วงว่าการเดินทางไปครั้งนี้มีความคุ้มค่าหรือไม่ เพราะเสียเงินไปถึง 30 ล้านบาท เพื่อเช่าเครื่องบินแบบเหมาลำไปกัน ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไม่ได้ห่วงอะไร แต่ภาคเอกชนอยากรู้ว่าการได้ไปคุยกับบริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านั้น ได้พบกับใครจริงๆ บ้าง คุยเรื่องอะไรบ้าง ได้ผลอย่างไรบ้าง ซึ่งจนถึงขณะนี้ทางโฆษกรัฐบาลก็ยังไม่ได้มีการแถลงออกมาให้เกิดความชัดเจนเลย เพราะการไปเจรจาเรื่องการลงทุนกับผู้นำต่างประเทศ หรือผู้บริหารบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆ ส่วนใหญ่แล้วก็ต้องมีการพูดคุยในรายละเอียดล่วงหน้าไว้ก่อน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้รับทราบเบื้องต้นก่อนที่จะไปพูดคุยเจรจาระดับผู้นำเช่นนี้ตามมาในภายหลัง ไม่ใช่ออกมาบอกแต่เพียงว่า นายกรัฐมนตรี ไปครั้งนี้ มีภารกิจมากมายเฉยๆ แต่ประชาชนอยากรู้ว่าไปคุยแล้วได้ผลอย่างไรบ้างต่างหาก

อย่างไรก็ตาม เท่าที่ฟังจากการให้สัมภาษณ์สื่อของนายเศรษฐาฯ นายกรัฐมนตรี ที่บอกว่า การเดินทางไปครั้งนี้ ก็ได้มีโอกาสชี้แจงให้ผู้นำประเทศต่างๆ ได้รับรู้ว่า ช่วง 9 ปีที่ผ่านมาต่างชาติอาจจะไม่ค่อยรู้ความเคลื่อนไหวของประเทศไทย แต่ตอนนี้ประเทศไทยได้รัฐบาลที่ผ่านการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยแล้ว เพื่อสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนต่างชาติหันมาสนใจลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้น แต่ขณะนี้สถานการณ์เศรษฐกิจโลกผันผวน ประกอบกับค่าเงินบาทอ่อนตัวลงอย่างมาก ก็ทำให้นักลงทุนต่างชาติเองต้องระมัดระวังตัวในการลงทุนในประเทศไทยมากขึ้นด้วย ดังนั้นการที่ประเทศไทยจะไปชักชวนนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย รัฐบาลก็ต้องมีความชัดเจนด้วยว่า อยากจะให้เข้ามาลงทุนในธุรกิจประเภทใดบ้าง เพื่อที่จะได้กำหนดนโยบายส่งเสริมการลงทุน หรือสิทธิพิเศษให้กับนักลงทุนประเภทนั้นๆ อย่างตรงเป้าหมายต่อไป.

โดย...ประสิทธิ์ ตั้งประเสริฐ // นครราชสีมา