ม.อ.ตรังชู"ย่านตาขาวโมเดล"เที่ยวเชิงวัฒนธรรม สร้างงาน สร้างรายได้ชุมชนยั่งยืน

ม.อ.ตรังชู"ย่านตาขาวโมเดล"เที่ยวเชิงวัฒนธรรม สร้างงาน สร้างรายได้ชุมชนยั่งยืน





ad1

มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตตรัง(ม.อ.ตรัง) ขับเคลื่อน “ย่านตาขาวโมเดล” ภายใต้โครงการ “ม.อ.เพื่อชุมชนเข้มแข็ง” พัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของชุมชนอย่างยั่งยืน และ “เส้นทางวัฒนธรรมทางรถไฟสายอันดามัน” เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของจังหวัดตรัง อนุรักษ์และฟื้นฟูแหล่งมรดกทางสถาปัตยกรรม กระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างงาน สร้างรายได้แก่คนในพื้นที่

ผศ. ดร.ปาริชาติ มณีมัย ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวิชาการ ม.อ.ตรัง เปิดเผยว่า ม.อ.ตรัง โดยคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ และคณะพาณิชยศาสตร์และการจัดการ ร่วมกันดำเนินโครงการ “ม.อ. เพื่อชุมชนเข้มแข็ง” ตั้งแต่ปี 2559 โดยคัดเลือกอำเภอย่านตาขาว เป็นพื้นที่นำร่องโครงการ “ย่านตาขาวโมเดล” เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของชุมชนอย่างยั่งยืน โดยลงพื้นที่ไปศึกษาวิจัยเพื่อหาแนวทางแก้ปัญหา โดยใช้แนวคิดศาสตร์พระราชา “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9 มาเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนสร้างการเปลี่ยนแปลงแก่ชุมชน

“ย่านตาขาวโมเดล” แบ่งการทำงานเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 การเข้าใจ นักวิจัยคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ได้เข้าไปศึกษาชุมชนในมิติต่างๆ ทั้งในด้านสังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม พบว่า ย่านตาขาวเป็นพื้นที่ที่มีทรัพยากรทางธรรมชาติที่หลากหลาย มีมรดกทางวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมที่มีคุณค่า รวมถึงวิถีชีวิตที่เป็นอัตลักษณ์ นำไปสู่การรวมกลุ่มของสมาชิกในชุมชน ภายใต้ชื่อ “กลุ่มย่านตาขาวโมเดล” การศึกษามุ่งเน้นการออกแบบและการพัฒนาพื้นที่เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และเกิดการจัดกิจกรรทางวัฒนธรรมของชุมชน โดยมีหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ให้การสนับสนุน

ต่อมาในระยะที่ 2 การเข้าถึง นักวิจัยคณะพาณิชยศาสตร์และการจัดการเข้าร่วมดำเนินโครงการกับนักวิจัยจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ เพื่อยกระดับมูลค่าทางเศรษฐกิจของชุมชนจากฐานมรดกทางวัฒนธรรม ทุนทางสังคม และทรัพยากรทางธรรมชาติ ในรูปแบบเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ (Creative Economy) เพื่อพัฒนาแบรนด์สถานที่ (Destination Brand) ในชื่อ “ย่านตาขาวแบรนด์” สำหรับการสื่อสารทางการตลาดของผลิตภัณฑ์และบริการ และระยะที่ 3 การพัฒนา นักวิจัยและชุมชนย่านตาขาวร่วมกันพัฒนาศักยภาพชุมชนด้านธุรกิจต่อเนื่อง โดยมหาวิทยาลัยยังคงสนับสนุนองค์ความรู้ต่างๆ ในขณะที่หน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ให้การสนับสนุนเรื่องงบประมาณและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน”

ผศ. ดร.ปาริชาติ กล่าวต่อว่า คณะวิจัยยังเล็งเห็นถึงศักยภาพเรื่องของศิลปะการแสดงพื้นบ้าน ซึ่งย่านตาขาวเป็นแหล่งรวมของศิลปะการแสดงพื้นบ้าน อาทิ โนราห์ หนังตะลุง ลิเกป่า รอแง็งชาวเล และกลองยาว โดยใช้องค์ความรู้ในการพัฒนาศิลปะการแสดงสร้างสรรค์ ขับเคลื่อนให้เกิดประโยชน์เชิงเศรษฐกิจ สนับสนุนการท่องเที่ยวสร้างสรรค์ในระดับจังหวัดและพื้นที่ภาคใต้ต่อไป

“พันธกิจหนึ่งที่สำคัญของม.สงขลานครินทร์ คือ การเป็นมหาวิทยาลัยเพื่อสังคม ที่มุ่งเน้นให้นักวิจัยเข้าไปมีส่วนร่วมเพื่อสร้างความเข้มแข็งและความยั่งยืนให้แก่ชุมชนในพื้นที่ สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ในการพัฒนาประเทศที่ต้องการสร้างโอกาสความเสมอภาคและความเท่าเทียมกันทางสังคม ตลอดจนยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีกว่าเดิม” ผศ. ดร.ปาริชาติ กล่าว

ด้าน “เส้นทางวัฒนธรรมทางรถไฟสายอันดามัน” ภายใต้โครงการวิจัย “มหาวิทยาลัยกับการขับเคลื่อนศิลปะและวัฒนธรรมเพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่” โดยคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ซึ่งครอบคลุม 3 หัวเมืองสำคัญในจังหวัดตรัง ได้แก่ ห้วยยอด ทับเที่ยง และกันตัง นั้น

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ตรีชาติ เลาแก้วหนู รองคณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ม.อ.ตรัง กล่าวว่า เส้นทางรถไฟสายอันดามันคือ เส้นทางรถไฟที่ต่อจากชุมทางทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ขยายแยกออกมาเป็นเส้นทางย่อย และสุดทางที่ท่าเรือกันตัง จ.ตรัง โดยได้ดำเนินโครงการวิจัย “เส้นทางวัฒนธรรมทางรถไฟสายอันดามัน” ตั้งแต่การศึกษามรดกทางวัฒนธรรมในพื้นที่ ศักยภาพความเป็นไปได้ของการพัฒนาเส้นทางรถไฟให้เป็นเส้นทางท่องเที่ยว ความคาดหวังของนักท่องเที่ยวในการท่องเที่ยวทางรถไฟ สภาพเดิมของรถไฟ รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวระหว่างเส้นทาง

“ที่ผ่านมาได้ขับเคลื่อนการท่องเที่ยวย่านเมืองเก่าตรังอย่างต่อเนื่อง โดยมีการจัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมให้คงอยู่ โดยเฉพาะที่กันตัง เนื่องจากเป็นเมืองท่าที่สำคัญในอดีต มีความรุ่งเรืองทางวัฒนธรรม มีแหล่งมรดกทางสถาปัตยกรรมที่หลากหลาย ทั้งสถาปัตยกรรมจีน สถาปัตยกรรมจีนผสมยุโรป และสถาปัตยกรรมยุโรป ได้เริ่มทำการศึกษาอาคารที่ทรงคุณค่าของเมืองกันตัง เผยแพร่ในรูปแบบหนังสือและสื่อดิจิทัลแก่ประชาชนในพื้นที่ นักท่องเที่ยว และผู้สนใจให้ได้ศึกษาและเห็นความสำคัญของมรดกทางสถาปัตยกรรมเมืองกันตัง รวมทั้งสื่ออื่นๆ ด้านสถาปัตยกรรม เช่น การทำโมเดลจำลอง เพื่อให้เยาวชนได้เรียนรู้แบบด้านสถาปัตยกรรม และตระหนักถึงความสำคัญของสถาปัตยกรรมในพื้นที่เมืองเก่ากันตัง”

ด้วยเมืองกันตังมีทรัพยากรด้านการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่สามารถจับต้องได้และจับต้องไม่ได้ ทั้งสถาปัตยกรรมบ้านเรือน อาหาร พิธีกรรม ประเพณีท้องถิ่น ซึ่งสามารถพัฒนาขยายผลไปสู่การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมได้ ปัจจุบันเมืองกันตังมีความพร้อมทั้งเส้นทางท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม บุคลากรที่ตอบโจทย์การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว มัคคุเทศก์ท้องถิ่นที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรม พร้อมรองรับนักท่องเที่ยว ซึ่งในอนาคตเมืองกันตังจะกลายเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของนักท่องเที่ยวทั่วประเทศ ที่ต้องการเรียนรู้ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่มีคุณค่าของเมืองท่าที่สำคัญในอดีตของประเทศ

นายพิพิธ จรุงเกียรติกุล หัวหน้ากลุ่มกันตังเมืองเก่า หนึ่งในภาคีเครือข่าย กล่าวว่า ม.อ.ตรัง มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวจังหวัดตรัง โดยเฉพาะกันตังเมืองเก่า ทำให้กันตังมีฐานที่เข้มแข็ง เป็นที่รู้จักในระดับจังหวัดมากขึ้น

“สิ่งสำคัญของการขับเคลื่อนคือกระบวนการทำงาน ซึ่ง ม.อ.ตรัง เข้ามาสนับสนุนองค์ความรู้ พัฒนาบุคลากร ดึงทรัพยากรท้องถิ่นที่มีอยู่ของชุมชนมาต่อยอด แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ปรับทัศนคติ และสร้างการมีส่วนร่วมชองคนในชุมชน”

“เส้นทางท่องเที่ยวกันตังเมืองเก่าเริ่มต้นด้วยการนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เรียนรู้ประวัติศาสตร์เมืองกันตัง และร่วมกิจกรรมทำขนมและอาหารโบราณ ที่ ศาลเจ้าเก่งจิวโฮยก้วน (ศาลเจ้าไหหลำ) จากนั้นไปต่อที่มัสยิดปากีสถาน ชมงานหัตถกรรมเตียงเชือก ซึ่งมีเฉพาะที่กันตังเท่านั้น ต่อที่อาคารชิโนโปรตุกีส “บั่นเซ่งหิ้น” ที่ส่งออกยางพาราก้อนแรก ชมภาพศิลปะการก่อสร้างของคนฮกเกี้ยน ที่ ศาลเจ้าฮกเกี้ยน ต่อด้วยสถานีรถไฟสุดสายอันดามัน “สถานีรถไฟกันตัง” ที่เชื่อมสงขลากับกันตัง อ่าวไทยกับอันดามัน เรียนรู้ประวัติศาสตร์พระยารัษฎา ที่ พิพิธภัณฑ์บ้านพระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี (คอซิมบี๊ ณ ระนอง) บ้านเลขที่ 1 ชมต้นยางพาราต้นแรก พระพุทธรูปที่แกะสลักจากหินอ่อนองค์ใหญ่ที่สุดในพม่า “พระหยกขาว” ที่ วัดตรังคภูมิพุทธาวาส ชมถ้ำประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ที่ สวนสาธารณะตำหนักจันทร์ ไปต่อที่ ศิลปินแห่งชาติอาจารย์ณรงค์ จันทร์พุ่ม และชมวิวบนหอคอย ที่ ศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์เมืองกันตัง ปิดท้ายที่ศาลเจ้าไหหลำอีกครั้ง ถือเป็นการสิ้นสุดโปรแกรมท่องเที่ยวเมืองกันตัง” คือเส้นทางท่องเที่ยวกันตังเมืองเก่าที่ นายวิสุทธิ์ อรุณเวชกุล มัคคุเทศก์ท้องถิ่น บอกกล่าว

นายยิ่งยศ แก้วมี สถาปนิก และกรรมาธิการฝ่ายกิจกรรมเมืองและนโยบายสาธารณะ สมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ อีกหนึ่งในภาคีเครือข่าย กล่าวว่า เริ่มดำเนินงานร่วมกับ ม.อ.ตรัง มาตั้งแต่ปี 2558 ในการขับเคลื่อนงานด้านสถาปัตยกรรมศาสตร์ และพัฒนาย่านเมืองเก่าของจังหวัดตรัง อาทิ โครงการ 100 ปีเมืองทับเที่ยง โดยคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์สนับสนุนการทำโมเดล และโครงการทับเที่ยง Vernadoc เป็นการเขียนแบบเพื่อการอนุรักษ์ ซึ่งความสำเร็จที่ได้จากการทำงานร่วมกับ ม.อ.ตรัง คือความต่อเนื่องของการทำงาน อาจารย์และนักศึกษาตั้งใจทำงานได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่ตระหนักและเห็นความสำคัญของการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมของชุมชนมากขึ้น

“งานวิจัย “เส้นทางวัฒนธรรมทางรถไฟสายอันดามัน” ส่งผลให้หน่วยงานรัฐในพื้นที่สามารถถอดบทเรียนเพื่อใช้ประโยชน์ในการพัฒนาการท่องเที่ยว ฟื้นฟูเมือง และกระตุ้นการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมที่กำลังเลือนหายไปกลับมา” ผู้ช่วยศาสตราจารย์ตรีชาติ กล่าวทิ้งท้าย