โศกเศร้าทั้งหมู่บ้าน 2 ศพแรงงานไทยเซ่นสงครามอิสราเอล ถูกส่งมาถึงพร้อมกัน

โศกเศร้าทั้งหมู่บ้าน 2 ศพแรงงานไทยเซ่นสงครามอิสราเอล ถูกส่งมาถึงพร้อมกัน





ad1

ขอนแก่น-2 ศพแรงงานไทย ลูกหลานบ้านโคกสูง อ.หนองสองห้อง   กลับถึงบ้านพร้อมกัน 2 ศพ ท่ามกลางเสียงร่ำไห้ระงม ตั้งศพสวดคืนแรก พระมาสวดที่บ้านศพแรกก่อน เสร็จแล้วไปสวดให้อีกศพ

เมื่อเวลา 17.50 น. วันที่ 20 ตุลาคม 2566 รถตู้ ยี่ห้อโตโยต้า สีเทา ทะเบียน ฮย-3140 กรุงเทพมหานคร ของบริษัทสยาม ฟิวเนอรัล ซึ่งเป็นบริษัทที่รับทำหน้าที่ รับส่งศพคนไทยในอิสราเอลกลับบ้านเกิด นำส่งศพของ นายพงษ์เทพ กุสะรัมย์ หรือน้องพงษ์ อายุ 26 ปี แรงงานไทยในอิสราเอล ที่ถูกกลุ่มฮามาสยิงตาย พร้อมพี่ชายชื่อนายอภิชาต กุสะรัมย์ นำศพส่งถึงบ้าน ที่บ้านเลขที่ 34/1 ม.6 บ้านโคกสูง ต.โนนธาตุ อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น 

ทันทีที่รถตู้จอดริมถนนหน้าบ้าน นายลำเพย กุสะรัมย์ อายุ 62 ปี บิดา พร้อมญาติพี่น้องก็รับโลงศพที่บรรจุร่างลูกชายเข้าในบ้าน ท่ามกลางเสียงร้องไห้ระงม นายลำเพยถือธูปอยู่ในมือ น้ำตาไหลพราก กลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ตลอดเวลา โดยมีเจ้าหน้าที่จิตเวชคอยดูแล จากนั้นญาติพี่น้องได้นำโลงศพที่บรรจุร่างน้องพงษ์เข้าในบ้านและแกะโลงออก เพื่อนำร่างเปลี่ยนใส่โลงไม้ที่มีผู้บริจาคให้ จากนั้นก็นำร่างน้องพงษ์บรรจุใส่ในโลงเย็นโดยมีนายประจักษ์ ไชยกิจ นายอำเภอหนองสองห้อง พร้อมด้วย นางอรวรรณ หินตะ แรงงานจังหวัดขอนแก่นและนางอัจฉรา เจริญผล นักวิชาการแรงงานชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทนจัดหางานจังหวัดขอนแก่น เดินทางมาร่วมรับศพน้องพงษ์ด้วย

ภายหลังจากที่บรรจุร่างคนตายใส่ในโลงศพแล้วและก่อนนำโลงเข้าในโลงเย็น ญาติพี่น้องขอเปิดโลงดูหน้าคนตาย เพื่อตรวจสอบว่า ใช่ลูกหลานของตัวเองหรือไม่ โดยที่นายลำเพยบิดา ปฏิเสธไม่ขอดูเพราะยังทำใจไม่ได้

นางอรวรรณ หินตะ แรงงานจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า กรณี สิทธิประโยชน์ของแรงงานขอนแก่นที่เสียชีวิตทั้ง 3 ราย โดยขณะนี้ นายพงษ์เทพ กุสะรัมย์ อายุ 26 ปี ถูกนำศพกลับบ้านมาแล้ว จะมีการช่วยเหลือจากเงินกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศ ของกรมการจัดหางานกรณีเสียชีวิต ช่วยเหลือ 40,000 บาท และการตรวจสอบการส่งเงินในระบบประกันสังคมของนายพงษ์เทพ กุสะรัมย์ เคยเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 มีสิทธิ์ได้รับเงินบำเหน็จชราภาพจากกองทุนประกันสังคม 14,712.18 บาท ยังไม่รวมดอกผล 

รวมทั้งยังมีค่าตอบแทนจาก National Insurance Institute ตามข้อกำหนดจะจ่ายให้เฉพาะภรรยาและบุตรเท่านั้น กรณีนายพงษ์เทพ  ไม่มีภรรยาและบุตร อยู่ระหว่างการตรวจสอบสิทธิ์ของทายาทคนอื่นๆ เพิ่มเติมจากฝ่ายแรงงานประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ซึ่งเงินประกันอื่นๆ ซึ่งนายจ้างอาจจะทำให้ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ

นอกจากนี้ กรณีแรงงานไทยที่กลับจากประเทศอิสราเอล ต้องการทำงานในประเทศไทย จัดหางานและพัฒนาฝีมือแรงงานจะช่วยดูแลส่งเสริมอาชีพให้ ส่วนแรงงานคนใด ต้องการกลับไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลอีก ก็ต้องตรวจสอบก่อนว่าทางอิสราเอล ต้องการแรงงานคนไทยอีกหรือไม่

ส่วนที่บ้านเลขที่ 43 บ้านโคกสูง หมู่ 6 ต.โนนธาตุ อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นบ้านของนายพิชิต นาจันทร์ หรือ สด อายุ 27 ปี แรงงานที่ไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลและเสียชีวิตจากเหตุสงคราม ทันทีที่นางหมวย นาจันทร์ อายุ 57 ปี มารดาของผู้เสียชีวิตเห็นรถตู้ส่งศพ จอดหน้าบ้าน ก็ร่ำไห้ด้วยความเสียใจ เดินเข้าไปรับศพลูกชาย แล้วแม่ก็ปล่อยโฮออกมา พร้อมทั้งเรียกชื่อลูกชายด้วยเสียงสะอื้นทั้งน้ำตา โดยมีนายสุรศักดิ์ นาจันทร์ อายุ 34 ปี พี่ชาย ซึ่งรอดจากเหตุสงครามในประเทศอิสราเอล เดินทางกลับมาถึงบ้านเมื่อวานช่วงค่ำ และพ่อของผู้ตาย ช่วยกันรับศพมาตั้งศพภายในบ้าน โดยพี่ชายของผู้ตายเป็นผู้ขอขมาเจ้าที่เจ้าทาง ขออนุญาตนำศพน้องชายตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้าน หลังจากนางหมวยได้แสดงตัวยืนยันตามขั้นตอนการรับส่งศพเสร็จ ญาติพี่น้องช่วยประคองแม่หมวยกลับเข้าไปพักผ่อนภายในบ้าน เพื่อให้สงบสติอารมณ์ โดยคืนนี้จะมีการสวดมาติกาเป็นคืนแรก 

นายสุรศักดิ์ นาจันทร์ อายุ 34 ปี พี่ชายผู้เสียชีวิต ซึ่งที่ไปทำงานในประเทศอิสราเอล ห่างจากแคมป์คนงานที่น้องชายเสียชีวิตประมาณ 5 กิโลเมตร ช่วงเกิดเหตุหลบอยู่ในหลุมหลบภัยกระทั่งมีเจ้าหน้าที่ทางการอิสราเอลเข้ามาช่วยเหลือกระทั่งมีการติดต่อประสานงานจนสามารถกลับมาถึงบ้านได้อย่างปลอดภัย โดยเปิดแอปพลิเคชันที่มีการแจ้งเตือนเหตุสงครามในพื้นที่สีแดงตรงจุดฉนวนกาซาแบบเรียลไทม์ ซึ่งขณะที่ให้สัมภาษณ์ข่าวแอปฯ ดังกล่าวได้แจ้งเตือนว่ามีเหตุความรุนแรงเกิดขึ้นในฉนวนกาซา และไม่มีท่าทีลดการโจมตีแต่อย่างใด

นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น มันเร็วเกินไป น้องชายต้องจากไปเพราะสงคราม หลังจากเดินทางมาทำงานเพื่อเก็บเงินสร้างความฝันของตัวเองที่อยากจะมีบ้าน อยากมีที่ดินเป็นของตัวเอง ช่วงที่ทำงานอยู่ในพื้นที่สีแดงนั้น มีการพูดคุยติดต่อกันตลอด ไปมาหาสู่กันเรื่อยๆ เพราะระยะทางจากแคมป์ที่พักของตนเองกับน้องชายห่างกันไม่ถึง 5 กิโลเมตร กระทั่งวันเกิดเหตุทุกคนต่างหนีเอาตัวรอด ตนก็เข้าไปหลบในหลุมหลบภัย และติดตามข่าวสารในโซเชียล พบว่ามีเพื่อนที่ทำงานส่งคลิปมาให้ดูบอกว่าเป็นน้องชายของตนเอง ซึ่งพอตนเองดูคลิป ก็มั่นใจว่าเป็นน้องชายเพราะจำรูปร่างท่าทางได้ นอนเสียชีวิตภายในแคมป์คนงานโดยมีศพของพงษ์และยา สองพี่น้องตระกูลกุสะรัมย์ เสียชีวิตอยู่ข้างกันด้วย ตอนนั้นพูดอะไรไม่ออก ก่อนจะมีการพูดคุยกับครอบครัวและเดินทางกลับมาที่ประเทศไทยเพื่อรอรับศพน้องในวันนี้

สำหรับการสวดศพคืนนี้เป็นคืนแรก พระสงฆ์ได้มาสวดมาติกาที่บ้านของนายลำเพย กุสะรัมย์ บิดา นายพงษ์เทพ กุสะรัมย์ หรือน้องพงษ์ อายุ 26 ปี ก่อน เมื่อเสร็จสิ้นพิธีการศพแรก ก็จะไปสวดต่อศพที่ 2 ต่อที่บ้านของนางหมวย นาจันทร์ มารดาของนายพิชิต นาจันทร์ หรือนายสด อายุ 27 ปี ผู้เสียชีวิตอีกราย