เปิดใจ 2 หนุ่มโคราช สงครามสงบจะกลับทำงานในอิสราเอลอีกเหตุค่าแรงแพง

เปิดใจ 2 หนุ่มโคราช สงครามสงบจะกลับทำงานในอิสราเอลอีกเหตุค่าแรงแพง





ad1

ชีวิตแรงงานไทยหลังกลับจากอิสราเอล คงหนีไม่พ้นช่วยพ่อแม่ ทำไร่ ทำนา เพื่อรอโอกาสด้วยความหวังว่าสงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาสจะยุติดลงโดยเร็วเพื่อจะได้กลับไปทำงานที่อิสราเอลอีกครั้ง เพราะได้เงินดีค่าแรงมากกว่าที่ไทยหลายสิบเท่าตัว เช่นเดียวกับ 2 หนุ่มแรงงานชาวโคราชจะไม่พลาดไปทำงานอีกครั้งแน่นอน

นายศตวรรษ เอื้อยฉิมพลี หรือบอม อายุ 31 ปี ชาวบ้านตะกุดเวียน หมู่ที่ 5 ต.หนองยาง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครราชสีมา หนึ่งในแรงงานไทยที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา หลังจากกลับมาบ้านแล้วก็ได้มาช่วยพ่อรับจ้างไถไร่มันสำปะหลังให้กับชาวบ้านในพื้นที่ทันที เพื่อหารายได้ช่วยเหลือครอบครัว ระหว่างที่ยังไม่มีงานทำ โดยในหมู่บ้านตะกุดเวียน หมู่ที่ 5 ต.หนองยาง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครราชสีมา มีแรงงานที่ไปทำงานในประเทศอิสราเอลทั้งหมด 7 คน โดยเดินทางกลับมาภูมิลำเนาแล้ว 3 คน คือ 1.นายพงษธร ขุนศรี อายุ 25 ปี (เสียชีวิต) 2.นายศตวรรษ เอื้อยฉิมพลี อายุ 31 ปี และ 3.นายณัฐวุฒิ นาคเม้า อายุ 30 ปี ส่วนอีก 4 คน ยังไม่ตัดสินใจว่าจะกลับหรือไม่

โดยนายศตวรรษฯ หรือบอม เล่าว่า ตนเองเดินทางไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลได้ 1 ปี 6 เดือนแล้ว โดยทำงานอยู่ในฟาร์มเห็ด ในพื้นที่หมู่บ้านซาอิด ติดชายแดนประเทศเลบานอน เงินเดือน 70,000 บาท ซึ่งในแคมป์คนงานที่ตนเองทำอยู่นั้น มีคนไทยอยู่เกือบ 100 คน โดยมีทั้งคนที่มีวีซ่าและไม่มีวีซ่า สำหรับคนที่มีวีซ่า มีประมาณ 30 กว่าคน ช่วงเกิดเหตุการณ์บุกกราดยิงของกลุ่มฮามาสวันแรก เมื่อวันที่ 7 ต.ค.นั้น ที่ทำงานของพวกตนยังไม่มีเหตุการณ์อะไรน่าเป็นห่วง เพราะอยู่ไกลกันมาก แต่พอมาหลังจากนั้น 3 วัน ก็มีกลุ่มก่อการร้ายอีกฝ่ายที่อยู่บริเวณชายแดนประเทศเลบานอน ยิงจรวดเข้ามาในพื้นที่อิสราเอล ทำให้นายจ้างต้องแจ้งให้แรงงานทั้งหมดวิ่งเข้าหลุมหลบภัย แต่หลังจากหลบภัยสักพักนายจ้างก็ยังให้ทำงานต่อ ก่อนที่อีกไม่กี่วันทางการอิสราเอล ก็แจ้งให้มีการอพยพคนงานออกจากพื้นที่ 28 หมู่บ้านซึ่งอยู่ชายแดนติดกับเลบานอนออกทั้งหมด

โดยไปอยู่ในค่ายอพยพพื้นที่ภาคกลางของอิสราเอล ช่วงนั้นก็ยังคิดว่าคงอพยพมาไม่นานแล้วก็กลับไปทำงานต่อได้ แต่สถานการณ์ก็เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ตนเองดูท่าไม่ดีจึงคิดอยากจะกลับบ้านที่เมืองไทย เมื่อทราบข่าวว่าทางรัฐบาลไทยให้ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เดินทางกลับไทย แรงงานที่อยู่ด้วยกันกว่า 30 คน จึงได้ลงทะเบียนเดินทางกลับประเทศไทยทั้งหมด ทั้งนี้เมื่อกลับมาบ้านแล้ว ก็ยังคงมีความหวังว่าถ้าเหตุการณ์สงบเรียบร้อยแล้วก็อยากจะกลับไปทำงานที่อิสราเอลต่อ เนื่องจากที่นั่นรายได้ดีกว่าทำงานที่เมืองไทยมาก เพราะตอนไปตั้งใจว่าจะหาเงินมาซื้อรถยนต์และสร้างบ้าน แต่ระหว่างรอดูสถานการณ์ที่อิสราเอล ก็ต้องมาทำไร่ ทำนา ช่วยพ่อแม่ไปก่อน ส่วนเงินช่วยเหลือเยียวยาจากภาครัฐ เขาให้ไปติดต่อที่สำนักงานแรงงานจังหวัดอีกที โดยเบื้องต้นได้รับแจ้งว่าจะได้เงินเยียวยาประมาณ 15,000 บาท ซึ่งเงินส่วนนี้ก็จะนำมาใช้ในชีวิตประจำวันช่วงที่ยังไม่มีงานทำไปก่อน

ด้านนายณัฐวุฒิ นาคเม้า หรือณัฐ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 70 บ้านตะกุดเวียน หมู่ที่ 5 ต.หนองยาง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครราชสีมา แรงงานไทยในหมู่บ้านเดียวกันที่เพิ่งกลับมาจากประเทศอิสราเอลเมื่อคืนที่ผ่านมา กล่าวว่า ตนเองนั้นไปทำงานในอิสราเอลได้ 2 ปีเต็ม โดยทำงานในสวนอะโวคาโด้ ในเมืองคิวบูธเคฟาฮานาซี โซนภาคเหนือของประเทศอิสราเอล ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัยจากสงครามพอสมควร แต่เมื่อทางบ้านรู้ข่าวเกิดสงครามก็โทรศัพท์มาบอกทุกวันว่าให้กลับบ้าน ทั้งที่ตนเองก็อยากจะอยู่ทำงานต่อ เพราะทำงานที่นั่นได้เงินเดือนกว่า 60,000 บาท จึงได้ตัดสินใจซื้อตั๋วเครื่องบินกลับเอง ในราคา 40,000 กว่าบาท โดยเมื่อเดินทางกลับถึงเมืองไทยแล้ว ทางเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงาน ให้นำตั๋วเรื่องบินไปเบิกเงินคืนได้ ซึ่งหลังจากนี้ก็คงจะไม่กลับไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลอีกแล้ว เพราะทางบ้านเป็นห่วง เนื่องจากตนเองก็มีภรรยา และลูกสาววัย 3 ขวบด้วย  ซึ่งตอนที่ไปอิสราเอลตนเองไม่ได้กู้เงินใคร แต่เป็นเงินพ่อ แม่ ออกให้ทั้งหมด จึงไม่มีความกังวลเรื่องหนี้สินแต่อย่างใด ตอนนี้ช่วงหางานก็ต้องช่วยพ่อแม่ ทำไร่ ทำไป ไปพลางๆ ก่อน โดยตนวางแผนไว้ว่าหลังจากนี้จะไปเรียนภาษาเกาหลีใต้ แล้วลองสมัครไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ดู เผื่อได้ไป เพราะที่นั่นก็เงินเดือนดีพอสมควร แม้ว่าจะไม่ได้มากเท่าอิสราเอลก็ตาม แต่ความปลอดภัยดีกว่า.

ประสิทธิ์ ตั้งประเสริฐ // นครราชสีมา