พลิกบ่อกุ้งร้างเลี้ยง"ปูขาว"สัตว์เศรษฐกิจตัวใหม่ ตอบโจทย์ตลาด สร้างรายได้มั่นคง

พลิกบ่อกุ้งร้างเลี้ยง"ปูขาว"สัตว์เศรษฐกิจตัวใหม่ ตอบโจทย์ตลาด สร้างรายได้มั่นคง





Image
ad1

เกษตรกรในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังได้เปลี่ยนบ่อกุ้งร้างที่ต้องหยุดเลี้ยงจากพิษโรคระบาด มาเลี้ยงสัตว์น้ำเศรษฐกิจตัวใหม่ “ปูขาว” โดยเฉพาะ “สินค้าอาหารทะเลอินทรีย์” ตอบโจทย์ตลาด ต้นทุนการผลิตไม่สูง ปูกินอาหารได้ทุกอย่าง ลดต้นทุนการผลิต ใช้ “ปลาหมอคางดำ” เป็นอาหารปู โดยใช้การแช่แข็งก่อนใช้ ทำให้ไข่ปลาฝ่อ ช่วยป้องกันปลาหมอคางดำระบาดในบ่อเพาะเลี้ยงได้จริง อีกโมเดลของการปรับตัวของเกษตรกร

ปัจจุบัน “ปูขาว” หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “ปูทองหลาง” กำลังเป็นดาวรุ่งในตลาดอาหารทะเล ทั้งในประเทศและต่างประเทศ กรมประมงส่งเสริมให้มีการเพาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์ โดยเฉพาะปูขาวอินทรีย์ที่ได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง เพราะตัวใหญ่ โตเร็ว เนื้อแน่น รสชาติหวานดีกว่าปูทะเลชนิดอื่น

“พี่โชค” นายนัฎฐชัย นาคเกษม ผู้นำเกษตรกรผู้เลี้ยงปูขาว กลุ่มวิสาหกิจชุมชนในลุ่มน้ำปากพนัง เล่าว่า กรมประมงได้ส่งเสริมเกษตรกรเพาะเลี้ยงสัตว์เปลี่ยนบ่อกุ้งร้างมาเป็นบ่อเลี้ยง “ปูขาว” เหมาะกับการเลี้ยงในบ่อกุ้งร้างที่เป็นพื้นดิน เพราะปูขาวไม่มีพฤติกรรมขุดรูเหมือนปูดำ รวมทั้งยังช่วยลดการจับปูจากธรรมชาติที่ทยอยลดจำนวนลง มีกระบวนการเลี้ยงแบบธรรมชาติ ไม่ใช้สารเคมี กลุ่มของพี่โชคนับเป็นกลุ่มเกษตรกรเลี้ยงปูขาวอินทรีย์แปลงใหญ่ต้นแบบแห่งแรกของประเทศไทย

เกษตรกรที่นี่ได้รับการสนับสนุนและคำแนะนำสำนักงานประมงจังหวัดนครศรีธรรมราช และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช (เกษตรไสใหญ่) สร้างขีดความสามารถเลี้ยง “ปูขาวอินทรีย์” ผลผลิตดี ในราคาที่แข่งขันได้ จากการนำปลาหมอคางดำผสมกับจุลินทรีย์เป็นอาหาร ตัวจุลินทรีย์ช่วยให้ปูกินอาหารได้มากขึ้น และมีกรดอะมิโนที่ช่วยให้ปูมีรสชาติดีขึ้น หวานอร่อยมากขึ้น และที่สำคัญจุลินทรีย์ช่วยให้ตัวปูมีกลิ่นสะอาด ตัวเกลี้ยงสะอาดกว่าปูทะเล

“ปูขาวกินปลาทุกชนิด รวมทั้งปลาหมอคางดำ สำหรับกลุ่มผู้เลี้ยงปูขาวอินทรีย์จึงถือเป็นโอกาส เกษตรกรมีอาหารเลี้ยงปูที่ต้นทุนไม่สูงและหาได้ในท้องถิ่น ซึ่งการช่วยกันจับปลาหมอคางดำมาเลี้ยงปูเป็นอีกแนวทางช่วยลดจำนวนปลาต่างถิ่นในแหล่งน้ำธรรมชาติอีกด้วย” นายนัฎฐชัย กล่าว

ทั้งนี้ การใช้ปลาหมอคางดำเป็นอาหารมีโอกาสทำให้ปลาชนิดนี้แพร่พันธุ์ในบ่อและแย่งกินลูกปู แต่ไม่ใช่ปัญหาของเกษตรกรที่ศูนย์เรียนรู้เชิงประยุกต์น้ำเค็มเพื่อการผลิตปูขาว บ้านเนินหนองหงส์ ตำบลเกาะเพชร อำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่มีองค์ความรู้จากทีมอาจารย์จาก มทร.ศรีวิชัย ใช้วิธีการ “แช่แข็ง” ในอุณหภูมิติดลบ 20 องคาเซลเซียส เป็นเวลานาน 24 ชั่วโมง จะทำให้ไข่ในปากของปลาหมอคางดำ “ฝ่อ” ไม่สามารถแพร่พันธุ์ต่อได้

“การแช่แข็งอุณหภูมิติดลบ เป็นสิ่งที่อาจารย์ค้นพบและใช้ได้ผล เพราะบ่อเลี้ยงปูขาวของกลุ่มฯ ที่มีอยู่ 30 รายไม่พบปัญหาเรื่องปลาหมอคางดำระบาดในบ่อ หากเกษตรกรไม่มีตู้แช่แข็ง ยังสามารถนำปลาแช่ในถังที่ใส่น้ำแข็ง หรือตู้เย็น นาน 3 วันแทนได้” นายนัฎฐชัย

การใช้ปลาหมอคางดำช่วยให้เกษตรกรเลี้ยงปูขาวด้วยต้นทุนต่ำ มีอัตราแลกเนื้ออยู่ที่ 4 กิโลกรัมของปลาหมอคางดำต่อเนื้อปู 1 กิโลกรัม นอกจากนี้ เทียบกับการเลี้ยงกุ้ง ปูขาวไม่ต้องใช้เครื่องตีน้ำ ใช้ไฟฟ้าน้อย และอาศัยอุปกรณ์หลัก 2 ตัว คือ ตู้แช่แข็ง และเครื่องสับปลา นอกจากนี้ จุลินทรีย์ เป็นสิ่งที่สำคัญต่อการเลี้ยงปูอินทรีย์ นอกจากนำจุลินทรีย์ใช้คลุกเป็นอาหาร นอกจากช่วยบำบัดน้ำหรือตะกอนเลนได้อย่างมีประสิทธิภาพ