ชาวนายโสธรยึดสนามบินเลิงนกทาตากข้าวบนรันเวย์ ชี้ไม่เสี่ยงตาย-ไม่ผิด ก.ม.

ชาวนายโสธรยึดสนามบินเลิงนกทาตากข้าวบนรันเวย์ ชี้ไม่เสี่ยงตาย-ไม่ผิด ก.ม.





ad1

บรรยากาศการตากข้าว ที่ จ.ยโสธร ชาวนาในพื้นที่รันเวย์ของสนามบินเก่า พื้นที่กองทัพยก ทบ.ที่ อ.เลิงนกทา ชี้ ไม่เสี่ยงตาย-ไม่ผิด กฎหมาย อีกทั้งลดอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยอาศัยจัดคิวสลับกันไปตากรายละ 1-2 วัน

หลังจากที่โรงสีรับซื้อข้าวเปลือกกับชาวนาในช่วงนี้มีการกดราคาและหักความชื้นของข้าวเปลือกสดที่ชาวนานำไปขายประกอบกับพบว่ามีชาวนาในหลายพื้นที่หลายจังหวัดที่เกี่ยวข้าวเสร็จแล้วได้มีการนำข้าวเปลือกไปตากแดดตามถนนจนสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนกรีดขวางการจราจรปิดทางเข้าออกหมู่บ้าน รวมทั้งเกิดเหตุการณ์ลักขโมยข้าวเปลือกที่ตากเอาไว้ ดังนั้นชาวนาในพื้นที่ตำบลโคกสำราญ อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร และอีกหลายตำบลใกล้เคียงกันต่างพากันนำข้าวเปลือกของตนที่เก็บเกี่ยวเสร็จไปตากแดดไว้ที่บริเวณลาดจอดเครื่องบิน และรันเวย์ภายในสนามบินกองทัพบก อำเภอเลิงนกทา ซึ่งตั้งอยู่พื้นที่ตำบลโคกสำราญ อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร ที่เป็นสนามบินเก่าที่มีการก่อสร้างมาตั้งปี พ.ศ. 2506 สมัยสงครามเวียดนาม

เดิมสนามบินแห่งนี้ ทหารกองทัพสหรัฐอเมริการ่วมกับพันธมิตรอังกฤษ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ได้ร่วมกันก่อสร้างขึ้นเพื่อเป็นสนามบินสำรองให้กับเครื่องบินที่ถูกยิงขัดข้องได้ลงจอดในสนามบินที่ใกล้ที่สุด แต่ปัจจุบันได้เลิกใช้งานไปแล้วและกองทัพบกเป็นผู้ดูแล อย่างไรก็ตามลานจอดเครื่องบินและรันเวย์ยังคงอยู่ในสภาพใช้งานได้ตามปกติ ชาวนาที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงจึงได้ขออนุญาตหน่วยทหารที่ดูแล และนำข้าวเปลือกของตนไปตากแดดไล่ความชื้นก่อนจะนำไปขาย แทนการนำข้าวเปลือกไปตากเอาไว้ตามถนนเหมือนพื้นที่อื่นเพื่อความปลอดภัยของตัวชาวนาเอง และผู้ใช้รถใช้ถนน ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย

ในแต่ละวันก็จะมีชาวนาพากันนำข้าวไปตากที่สนามบินแห่งนี้ไม่ต่ำกว่าวันละ 100 ราย สลับผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปเรื่อยๆ และจะใช้ระยะเวลาตากข้าวคนละประมาณ 2 วัน ก็จะพากันขนย้ายข้าวเปลือกที่แห้งสนิทกลับบ้านไปและส่งขายเป็นรายได้บางส่วน แต่ในช่วงกลางคืนชาวนาก็จะไปนอนเฝ้าข้าวของตนที่ตากเอาไว้ทุกคืนเพื่อป้องกันมิจฉาชีพเข้าไปลักขโมยข้าวเปลือกที่ตากเอาไว้        

นายมิตร บุญเพ็ง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโคกสำราญ เผยว่า สนามบินแห่งนี้ก่อสร้างมาตั้งแต่สมัยสงครามเวียดนาม หรือประมาณปี พ.ศ.2507-2508 และมีการเลิกใช้งานมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2510 ปล่อยทิ้งร้างไม่ได้ใช้งานอะไร ต่อมาชาวตำบลโคกสำราญ และตำบลใกล้เคียงจึงเข้าไปใช้ประโยชน์จากสนามบินแห่งนี้ทั้งเป็นลานตากมันสำปะหลังและตากข้าวเปลือก ถือว่าเป็นความโชคดีที่มีสนามบินเก่าอยู่ในพื้นที่โดยทุกปีที่ผ่านมาพอถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าวชาวนาในตำบลโคกสำราญ และตำบลใกล้เคียง ก็จะพากันนำข้าวเปลือกของตนที่เก็บเกี่ยวเสร็จเข้าไปตากแดดไล่ความชื้นก่อนนำไปขายที่บริเวณสนามบินแห่งนี้เป็นประจำทุกปี

ที่ผ่านมาหน่วยทหารที่ดูแลสนามบินก็ได้อนุญาตชาวนา ให้สามารถนำข้าวเปลือกเข้าไปตากแดดได้ฟรี ซึ่งในแต่ละวันก็จะมีชาวนาพากันนำข้าวเปลือกเข้าไปตากเป็นจำนวนมากและจะมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้าไปตากข้าวอย่างต่อเนื่องทุกวันโดยแต่ละคนจะใช้ระยะเวลาตากข้าวประมาณ 2 วัน ก็จะขนข้าวที่แห้งสนิทกลับบ้านและนำไปขายต่อไป ส่วนในช่วงกลางคืนก็จะมีชาวนาไปนอนเฝ้าข้าวของตนที่ตากเอาไว้เพื่อป้องกันคนไปลักขโมยข้าวเปลือก.