ตำรวจบุกรวบ 'วัฒนา ละหานทราย'เปิดบัญชีม้าคาม่านรูด

ตำรวจบุกรวบ 'วัฒนา ละหานทราย'เปิดบัญชีม้าคาม่านรูด





ad1

ชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบ นครบาลได้รับแจ้งจากประชาชนผู้เดือดร้อนผ่านเพจ สืบนครบาลว่าได้สั่งซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์แต่ไม่ได้รับสินค้า   ต่อมาคนร้ายได้ ได้แจ้งจะคืนเงินให้แทนสินค้าแต่ให้ผู้เสียหายกรอกข้อมูลส่วนตัวพร้อมดาวน์โหลดแอพและสแกนใบหน้าเป็นเหตุให้ผู้เสียหายถูกดูดเงินจำนวน 150,000 บาท ต่อมาพนักงานสอบสวนได้ออกหมายจับเจ้าของบัญชีม้าและชื่อเจ้าของ ผูกกับโทรศัพท์ที่คนร้ายใช้ จึงร้องขอให้สืบนครบาลช่วยติดตามจับกุม

เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2567 กก.วิเคราะห์ข่าวฯ พร้อม ชุดปฏิบัติการที่ 3 ดำเนินการเจ้าหน้าที่สืบนครบาล ได้จับกุมตัว    นายวัฒนา อายุ 44 ปี ภูมิลำเนา ต.ตาจง อ.ละหานทราย จว.บุรีรัมย์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดอ่างทอง ที่ 35/2567 ลงวันที่ 7 ก.พ.67 

ในข้อหา "โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่งอันมีใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญาและฉ้อโกงทรัพย์หรือเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตนโดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้องหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้เลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตนทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด"

พฤติการณ์กล่าวคือ เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2566 ผู้เสียหายได้ทำการสั่งซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มขายของออนไลน์ แต่ไม่ได้รับสินค้าแต่อย่างใด จึงได้ติดต่อไปยังทางร้านค้าที่ให้ข้อมูลไว้ในแพลตฟอร์มดังกล่าว  เพื่อสอบถาม ตามเบอร์โทรร้านค้าตัวแทน

จากนั้นมิจฉาชีพจึงยื่นข้อเสนอว่า "หากยังไม่ได้รับสินค้า ขอเป็นคืนเงินให้ลูกค้า" ทำให้ผู้เสียหายจึงหลงเชื่อ และทำตามขั้นตอนที่มิจฉาชีพแจ้งให้ดาวน์โหลดแอปมาติดตตั้ง และให้กรอกข้อมูลบัญชีธนาคาร และสแกนใบหน้า โดยใช้เวลาในการพูดคุยสนทนา 30 นาที เมื่อผู้เสียหายทำขั้นตอนครบถ้วน ปรากฎว่า ยอดเงินในบัญชีที่ผูกกับเบอร์โทรศัพท์ ถูกดูดไปจำนวน 5 ครั้ง ครั้งละ 2-3 หมื่นบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 150,000 บาท ผู้เสียหายแน่ใจว่า ถูกมิจฉาชีพหลอก จึงได้เข้าแจ้งความทันทีซึ่งต่อมาจากการสืบสวนสอบสวน เบอร์หมายเลขโทรศัพท์และบัญชีธนาคาร จดทะเบียนในชื่อ นายวัฒนาผู้ถูกจับ

ผู้ต้องหาให้การว่า เดิมพักอาศัยอยู่ที่ จว.บุรีรัมย์ โดยเมื่อกลางปี 2566 มีคู่สามีภรรยาแถวบ้านตน มาว่าจ้างให้ตนเปิดบัญชีให้ ตนจึงเปิดให้1บัญชี คือธนาคารออมสิน ได้รับค่าจ้าง 1,000 บาท  เมื่อตนเปิดให้ได้ระยะหนึ่งมาทราบภายหลังว่า คนในชุมชนถูกออกหมายเรียกและหมายจับจากการเปิดบัญชีให้คนดังกล่าว ตนจึงกังวลว่าอาจตกเป็นผู้ต้องหาได้ในอนาคต จึงปิดบัญชีทันที ภายหลังที่เปิดได้ไม่นาน และยังให้การว่า คู่สามีภรรยาดังกล่าว ถูกออกหมายจับเป็นที่เรียบร้อย    และเนื่องจากเดือนนี้เป็นเดือนแห่งความรัก  เมื่อวานมีการนัดออกเดทกับสาวเมืองกรุง จึงออกเดินทางเข้ากรุงเทพเพื่อมาตามนัด โดยผู้ต้องหาให้การว่าตนมาไกลมากจากจังหวัดสระแก้ว ติดชายแดนปอยเปต หวังมาพบสาวกรุงเทพฯ ที่โรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่ง ยังไม่ทันมีความสุขก็มาโดนเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมเสียก่อน

ผู้ต้องหายังยอมรับสารภาพว่า ตนรับจ้างเปิดบัญชีจริง แต่ไม่ทราบว่าผลตามมาจะหนักขนาดนี้ และยังฝากเตือนประชาชนฯ ที่กำลังตกเป็นผู้ต้องหา หรือกำลังจะรับจ้างเปิดบัญชีว่า "อย่าเห็นแก่เงินไม่กี่บาท แต่ต้องแลกกับการถูกดำเนินคดีอาญา"นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอ่างทอง ดำเนินคดีต่อไป

พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ,พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ,พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร.ให้ปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ที่กระทำความผิดทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ขอให้ประชาชนได้โปรดใช้สติในการใช้ชีวิตในสังคม อย่าหลงเชื่อกลโกงต่างๆของมิจฉาชีพ ซึ่งแฝงตัวมา ส่วนเจ้าของบัญชีม้า หรือเบอร์ม้า ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ