ความภูมิใจพ่อ...พ่อค้าเร่ ขายไอศกรีม ติดรูปลูก 3 คน 3 อาชีพ หายเหนื่อย

ความภูมิใจพ่อ...พ่อค้าเร่ ขายไอศกรีม ติดรูปลูก 3 คน 3 อาชีพ หายเหนื่อย





ad1

พ่อค้าเร่ ขายไอศกรีม ติดรูปลูก 3คน 3อาชีพ ส่งเสียลูกเรียนได้ดีทุกคน น้ำตาคลอภูมิใจ หายเหนื่อย เปิดตู้เย็น 3 ตู้ในบ้านบอกถึงลูก เผยเคยขอให้หยุดขายแต่ทำไม่ได้

เมื่อวันที่ 9 เม.ย.2567 ที่วัดโขมงหัก ต.เทพนคร อ.เมือง จ.กำแพงเพชร พ่อค้าขายไอศกรีมแบรนด์ดังรายหนึ่ง เร่ขายไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ของ จ.กำแพงเพชร โดยเฉพาะในพื้นที่ต.เทพนคร และตำบลใกล้เคียง

โดยติดภาพถ่ายไว้บนรถ มีทั้งรูปภาพชายแต่งเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ตำรวจ ด้านล่างมีตัวหนังสือระบุกำกับว่า “หัวหน้าชุดปฏิบัติการไล่ล่า” ถัดมาเป็นรูปภาพผู้หญิง สวมเสื้อสีขาว ด้านล่างมีตัวหนังสือระบุกำกับว่า “ทนายความอิสระ”

และภาพชายแต่งกายชุดทหารบก สวมใส่หมวกหม้อตาล ด้านล่างของภาพมีตัวหนังสือ ระบุกำกับว่า “เฉพาะกิจหน่วยเคลื่อนที่เร็ว” รวมถึงภาพอิริยาบถต่าง ๆ ซึ่งรูปภาพนี้ได้ถูกติดเอาไว้บนรถ 3 ล้อเครื่องขายไอศกรีมของพ่อค้ารายดังกล่าว

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวทราบว่า พ่อค้าขายไอศกรีมรายนี้คือ นายสุเทพ ผลเศรษฐี อายุ 65 ปี ส่วนรูปภาพที่ติดอยู่บนรถขายไอศกรีม ก็คือลูกชายและลูกสาวซึ่งมีทั้งหมด 3 คน นายสุเทพ เล่าเรื่องราวของตนเองให้ฟังอย่างภาคภูมิใจ พร้อมกล่าวอธิบายภาพถ่ายที่แขวนไว้บนรถขายไอศกรีม

นายสุเทพ กล่าวว่า ภาพแรกชายที่แต่งเครื่องแบบตำรวจ คือ ส.ต.ท.เฉลิมพล ผลเศรษฐี อายุ 30 ปี สังกัดอยู่ที่กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 34 จ.ตาก ถัดมาภาพที่ 2 คือ น.ส.ธนศิริ ผลเศษรฐี อายุ 25 ปี อาชีพทนายความอิสระ ซึ่งปัจจุบันปฏิบัติงานอยู่ที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)

ส่วนภาพสุดท้ายที่แต่งชุดทหารคือ ส.อ.ภาณุวัฒน์ ผลเศษรฐี อายุ 24 ปี สังกัดกองพันสารวัตรทหารกรุงเทพฯ ซึ่งทั้งหมดเป็นลูกของนายสุเทพทั้งสิ้น ส่วนภรรยาได้เลิกรากันไปกว่า 6 ปีแล้ว

นายสุเทพ เล่าให้ฟังระหว่างจอดรถขายไอศกรีมอยู่ภายในวัดโขมงหัก ว่า ตนมีความภาคภูมิใจในตัวลูกทั้ง 3 คนมาก ตนซึ่งมีฐานะยากจน เร่ขายไอศกรีมมากว่า 20 ปี ลูกทั้ง 3 คน เป็นคนที่เรียนดีมาก เอาใจใส่การเรียนดี จึงตั้งใจที่จะมานะบากบั่นส่งลูกทั้ง 3 คนให้เล่าเรียนสูง ๆ

ซึ่งอาชีพตนมีอยู่อาชีพเดียวก็คือ เป็นพ่อค้าขายไอศกรีมไปตามสถานที่ต่าง ๆ ก่อนนั้นเป็นช่วงที่ขายดีมาก ได้กำไรวันละกว่า 2,000 บาททุกวัน ตนเก็บหอมรอมริบเอาไว้เพื่อส่งเสียลูกทั้ง 3 คนได้เล่าเรียนกันจบ และได้ทำงานเป็นข้าราชการทุกคน

ก่อนหน้านี้ลูก ๆ เคยขอร้องให้ตนหยุดขายไอศกรีม เนื่องจากเห็นตนอายุมากแล้ว แต่ตนก็อดที่จะออกมาเร่ขายไม่ได้ ทั้งนี้ ลูก ๆ ได้ส่งเงินมาให้ใช้โดยพี่น้องได้แบ่งปันส่งมาคนละ 5,000 บาท รวมแล้วตกเดือนละ 15,000 บาทต่อเดือน ซึ่งตนก็ได้เก็บเอาไว้เป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ส่วนหนึ่งฝากเข้าบัญชีธนาคารเอาไว้

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านพักของนายสุเทพ มีลักษณะเป็นห้องแถว ด้านหน้าซึ่งเป็นประตูเหล็กนายสุเทพยังได้ติดป้ายไวนิลที่มีรูปลูกชายและลูกสาวที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานในอิริยาบทต่าง ๆ

เมื่อเข้าไปในบ้านพบว่า ยังมีตู้เย็นเก่า 3 ใบตั้งเรียงรายอยู่ติดกัน ใบที่ 1 ด้านบนของตู้เย็นจะมีอุปกรณ์ในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเป็นของลูกคนโต ส่วนใบที่ 2 นายสุเทพแจ้งว่าเป็นของลูกสาวซึ่งเป็นทนายความ แต่ยังไม่มีสิ่งของที่บ่งบอกถึงการเป็นทนายความของลูกสาว มีเพียงภาพถ่ายของลูกลูกชายที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งวางอยู่บนตู้เย็น

ตู้เย็นใบที่ 3 ด้านบนตู้เย็นจะมีอุปกรณ์สนามของทหารบก ซึ่งประกอบไปด้วยกระติกน้ำ เข็มขัดสนาม และหมวกเบเรต์ โดยทั้งหมดเปรียบเสมือนสัญลักษณ์อาชีพของลูกทั้ง 3 คน

นายสุเทพ กล่าวว่า ตนได้สั่งทำรูปภาพป้ายไวนิลของลูกทั้ง 3 คนเอาไว้แล้ว เพื่อที่จะเอามาติดด้านหน้าของตู้เย็นของแต่ละคน เมื่อถามว่าเพราะเหตุใดจึงทำ และมีความคิดแบบนี้ นายสุเทพ กล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “ตนจะเอาไว้นอนดูเล่นมีความสุขดี”

นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ด้วยความตั้งใจแล้วลูกก็เรียนดี ช่วงนั้นหาเงินคล่อง ค้าขายดีมากแต่ก็หวุดหวิดจวนตัวมาโดยตลอด แต่ก็สู้มาโดยตลอดด้วยการขายไอศกรีมอย่างเดียวกว่า 20 ปีไม่เคยทำอาชีพอื่น ยอมรับเมื่อก่อนขายดีมาก ทำอาชีพนี้ตั้งแต่ลูกอยู่อนุบาลจนถึงมหาวิทยาลัย ซึ่งรายได้ตอนนั้นอยู่ที่ 3,000-4,000 บาท

นายสุเทพ น้ำตาคลอกล่าวยอมรับว่า ภาคภูมิใจในตัวลูกมากที่ลูกทั้ง 3 คน เป็นเด็กดี มีงานทำ มีหน้ามีตา เป็นข้าราชการทุกคน ยอมรับว่าได้ดั่งใจตามแผนที่วางไว้ ส่วนตู้เย็นทั้ง 3 ใบตนจะเอาข้าวของเครื่องใช้ของแต่ละคนมาวางไว้บนหลังตู้เย็น ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ข้าวของเครื่องใช้ของแต่ละคนในอาชีพที่ทำ ซึ่งเป็นความสุขของตน

ลูก ๆ เคยบอกให้ตนเลิกขายไอศกรีม ตนก็เลยทดลองเลิกแต่เลิกได้แค่ 13 วัน จากนั้นมาตนก็ไปเอารถไอศกรีมมาขายอีกจนถึงทุกวันนี้ ส่วนตนอยากจะบอกกับคนที่กำลังท้อแท้ และกำลังส่งลูกเรียนว่า อันดับแรกต้องอยู่ที่เราคิดก่อน เราต้องคิดนอกกรอบ เราอย่าไปคิดเหมือนคนอื่น

ถ้าเราคิดเหมือนคนอื่นก็จะเหมือนเขานั่นแหละ เรามีความรู้ความสามารถอะไรให้เอาออกมาใช้เลย ทำจากที่เราคิดแล้วมันจะได้เอง ทั้งนี้ ต้องประกอบกันหลายอย่างทั้งใจ และทั้งดวง ถ้ามันมาเพียบพร้อมมันก็ได้