'แม่ทิพย์'เจ้าเก่าข้าวเหนียวมะม่วง ของแท้ ตำนาน 40 ปี อร่อยคู่เมืองตากใบ

'แม่ทิพย์'เจ้าเก่าข้าวเหนียวมะม่วง ของแท้ ตำนาน 40 ปี อร่อยคู่เมืองตากใบ





ad1

ใครมาจังหวัดนราธิวาส ถ้าไม่ได้แวะซื้อชิม ข้าวเหนียวมะม่วงแม่ทิพย์ ถือว่า “มาไม่ถึงอำเภอตากใบ ” ลูกค้าบอก เพราะเป็นร้านเก่าแก่ ที่เปิดขายกันมา นาน 40 ปี เอาเป็นว่า ลูกค้าที่มาซื้อสมัยเด็กๆตามมาซื้อกับพ่อแม่ พอเรียนจบที่นี่ ก็ไปเรียนต่อที่จังหวัดอื่น จนได้ทำงาน แต่พอกลับมา ก็ยังตามมาอุดหนุนกันเหมือนเดิม และบ่นบอกเสมอๆว่า ข้าวเหนียวมะม่วงของป้าทิพย์อร่อยไม่เหมือนที่อื่น คิดถึงรสชาติของแม่ทิพย์ และเวลามากลับมาทุกครั้ง จะต้องซื้อไปฝากให้กับเพื่อนๆ และคนในครอบครัวจำนวนมากๆ ยังไม่หมด ร้านแม่ทิพย์ข้าวเหนียวมะม่วง ยังการันตีความอร่อย

เคยได้รับให้ไปออกบูทที่พระราชวังเก่าของเมืองโกตาบารู รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซียอยู่หลายๆครั้ง ไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมถึงมีลูกค้ารู้จักมาก ทั้งที่เป็นลูกค้าที่สัญจรไปมา ลูกค้าที่ชอบกินข้าวเหนียวมะม่วงแล้วเปิดปักหมุดค้นหา แล้วตามมาอุดหนุนกัน จนยอดขาย ขายวันละ7,000 -8,000 และมีลูกค้าประจำมารับขายในร้านอาหารดังๆหลายร้านในอำเภอตากใบ ก็มารับตรงนี้ เพราะลูกค้าคนในพื้นที่จะรู้ถึงความอร่อยของข้าวเหนียวมะม่วงของแม่ทิพย์เป็นอย่างดี เพราะน้ำกะทิของแม่ทิพย์เก็บได้นานถึง 12 ชั่วโมง (ทีมงานลองมาแล้ว) แต่ถ้าเก็บในตู้เย็นเก็บได้ 2 วันเลยที่เดียวรสชาติไม่เปลี่ยน แต่เราขอแนะนำว่า หิวเมื่อไร รีบทานเลยดีกว่า เพราะจะได้รสชาติที่ฟินสุดๆ

แนะนำการเลือกมะม่วงที่กินกับข้าวเหนียวคือต้องเลือกมะม่วงสุก แต่ไม่งอม เพราะถ้าสุกงอมจะทำให้ข้าวเหนียวมูน และน้ำกะทิมีรสชาติที่หวานอยู่แล้ว จะกลายเป็นยิ่งหวานขึ้นไปอีก เวลาทานจะทำให้เลี้ยน ต้องเลือกมะม่วงที่สุกกำลังดี ยิ่งเป็นมะม่วงแก้วขมิ้นยิ่งดีเพราะเนื้อจะแน่น หวานหอม สีสวยน่าทาน แต่คนมักจะเข้าใจว่า ข้าวเหนียวมะม่วงต้องกินกับมะม่วงน้ำดอกไม้ ซึ่งมะม่วงน้ำดอกไม้ เนื้อจะไม่แน่นความหอม และความหวานไม่เท่ากับมะม่วงแก้วขมิ้น แต่ก็แล้วแต่ความชอบ และน้ำหนักเงินในกระเป๋าด้วยค่ะ.


ร้านแม่ทิพย์เจ้าเก่าข้าวเหนียวมะม่วง ปลากุเลาเค็มตากใบ จะขึ้นชื่อในเรื่อง ข้าวเหนียวมะม่วง ขนมหวานไทยชาววังโบราณ น้ำพริกมะขามสูตรโบราณ น้ำพริกปลาร้าสับสุกและปลากุเลาเค็มของอำเภอตากใบ ที่ทำเองทุกขั้นตอนในระบบครอบครัว ที่ทำกันมา 40ปีมาแล้ว ปัจจุบันส่งลูกเรียนจบ และพ่อเอนกสามีก็เสษียณราชการตำรวจ แต่ก็ยังทำต่อ ไม่คิดที่จะหยุด และมีแพลนให้ลูกสืบทอดต่อทั้งๆที่มีงานประจำอยู่แล้ว โดยที่ตนเองคอยเป็นคนดูแลให้ลูกทำแต่ตนเป็นคนขาย ที่ไม่เคยโฆษณา ทางสื่อต่างๆเพราะคนในพื้นที่จะรู้จักกันดีอยู่แล้ว และเคยมีหน่วยงานมาติดต่อ แต่ก็ปฎิเสธ เพราะตนทำในระบบครอบครัวไม่มีเวลาที่จะออกไปไหน และนี้เป็นสื่อแรกที่ทางครอบครัวยอมออกอากาศ เพื่อให้คนทั่วประเทศได้รู้จักว่า ข้าวเหนียวมะม่วงอร่อยที่สุดของเมนูขนมหวานยอดฮิตอันดับ 2 ของโลก จริงๆ ของแทร่ ต้อง แม่ทิพย์เจ้าเก่าข้าวเหนียวมะม่วง ขนมหวานตากใบเท่านั้น.



เมนูที่ร้าน ข้าวเหนียวมะม่วง ชุดเล็ก 50 บาท/ กล่อง

ข้าวเหนียวมะม่วง ชุดกลาง ข้าวเหนียวครึ่งกิโลกรัม มะม่วง 2 ลูก กะทิ ราคา 140 บาท/ กล่อง

ข้าวเหนียวอย่างเดียว กิโลกรัมละ 200 บาท



ขนมหวานโบราณ ขนมฝักทอง ตะโก้มัน ขนมหยกมณี ขนมลืมกลืน วุ่นกะทิมะพร้าวน้ำหอม หม้อแกงถั่ว ราคาเริ่มต้น 30บาท

ปลากุเลา ขายตามน้ำหนักของปลา (สอบถาม) โทร.073-641056 หรือ086-2942897 เปิดร้านขายเวลา 08.00 น. -17.00 น.เปิดทุกวัน เพจ.แม่ทิพย์เจ้าเก่า ข้าวเหนียวมะม่วงปลากุเลาเค็มตากใบ

พิกัดร้าน ตั้งอยู่ที่สายนราธิวาส- ตากใบ บ้านไพรวัน ก่อนถึง ด่านจุดตรวจไพรวัน ตำบลไพรวัน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาสสั่งล่วงได้ตามเบอร์โทร.2 วันนะค่ะ


คุณ ทิพวรรณ กุญชรชัย เจ้าของร้าน แม่ทิพย์เล่าว่า ขายในตลาด ต่อมาเปิดขายอยู่ริมทางก่อนหน้าบ้าน เริ่มแรกแม่ขายข้าวเหนียวมะม่วง ปั้นสิบ ไส้ปลาเปิดขาย เกือบ 40 ปีแล้ว ต่อมาได้เพิ่มทำขนมไทยขึ้น ขนมลืมกลืน ขนมฝักทอง ขนมตะโก้มัน หม้อแกง หยกมณี สาคูไส้ไก่ ปุยฝ้าย เกือบ 20อย่าง ทำทุกอย่าง มีลูกสาวมาช่วยทำ หลังเลิกงาน และก็ทำปลากุเลาด้วย เอาปลาของคนในพื้นที่100 เปอร์เซ็นต์ ทำเองทุกขั้นตอนเลย มีพ่อเป็นคนคุมงานเกี่ยวกับปลากุเลา ด้านหลังเราจะมีโรงบ้านที่ทำปลา ที่ตากปลา เรามีพร้อมหมด แต่เริ่มแรกแม่ก็ทำข้าวเหนียวมะม่วง ขายได้สูงสุด 10,000กว่าบาทต่อวัน แต่ด้วยเศรษฐกิจตอนนี้ ยังขายได้ประมาณ วันละ 7,000-8,000 บาทก็ได้แล้ว และจะขายได้มากช่วงเดือนเมษายน –พฤษภาคม เพราะเป็นช่วงหน้าร้อนและเป็นช่วงหน้ามะม่วง.

คุณ อเนก กุญชรชัย สามีเจ้าของร้าน เล่าว่า ลูกค้าบอกว่า ถ้ามาตากใบ ไม่ได้กินข้าวเหนียวมะม่วงแม่ทิพย์ ก็ไม่ถึงตากใบหรอก มาไม่ถึง ต้องกิน ถ้าไม่กินไม่ถึง ชัวร์ เริ่มต้นขายเมื่อ40ปีก่อน ตั้งป้ายหน้าร้านที่มีผ้ากันฝน ว่า “ ไม่ลองไม่รู้ ” เอาโต๊ะ 1 โต๊ะมาตั้งข้าวเหนียวมะม่วงอย่างเดียว แล้วเอาเสื้อฝนที่หลวงแจกมาคลุมเป็นหลังคากันฝน คิดไปคิดมาไม่ไหวแล้ว พอฝนตกเราก็ต้องหลบฝนอีกลำบากเปียกหมด แล้วเวลา 10 ล้อวิ่งมาจากกรุงเทพฯ ไปสุไหง-โกลกวิ่งเร็วมา เกรงว่าจะวิ่งมาชนร้านริมถนนนั้นจะเอาผิดใครละ เพราะมันเป็นเขตทางหลวง เกิดหลับใน มาชนเราเพราะเราขายข้าวเหนียวมะม่วงใหญ่ แล้วจะเอาผิดใครละ เลยตัดสินใจเข้ามาอยู่ข้างใน และติดป้ายใหญ่ๆว่า ไม่ลองไม่รู้ๆ จนลูกค้ามาลอง 1-2วันต่อๆและติดใจ ลูกค้าเดิมๆมาอุดหนุน และบอกต่อกันไป จนปัจจุบันขายมา40 ปีแล้ว


โดย...แวดาโอ๊ะ หะไร / อัสมา บินมะนุ ผู้สื่อข่าวรายงาน/ข่าว/ภาพ นราธิวาส