“ไทยเบฟ” เร่งขับเคลื่อนธุรกิจยั่งยืน สู่PASSION2030 มุ่งพัฒนาสิ่งแวดล้อม

“ไทยเบฟ” เร่งขับเคลื่อนธุรกิจยั่งยืน สู่PASSION2030 มุ่งพัฒนาสิ่งแวดล้อม





Image
ad1

เมื่อเร็วๆนี้บริษัท ไทยเบฟเวอเรท จำกัด (มหาชน) เผยแผนงาน PASSION 2030 ซึ่งต่อยอดการดำเนินงานให้แข็งแกร่งฐานะผู้นำที่มั่นคงและยั่งยืนของอาเซียนในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มและอาหาร พร้อมกับวางเป้าหมายการเติบโตในอีกห้าปีข้างหน้า เพื่อ “สรรสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน”

 ฐาปน สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าบริหาร บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยถึงการสร้างความสามารถ เสริมความแข็งแกร่งในตลาดและตราสินค้า รวมทั้ง การนำศักยภาพของไทยเบฟที่มีอยู่มาก่อให้เกิดมูลค่าสูงสุดในธุรกิจ แม้ที่ผ่านมา จะมีความท้าทายด้านการดำเนินงานและต้นทุน ผลพวงจากความผันผวนของเศรษฐกิจมหภาคและปัญหาภูมิศาสตร์ แต่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคมาได้ด้วยรากฐานที่แข็งแกร่ง

รวมทั้ง การบริหารอัตรากำไรและความเสี่ยงอย่างมีวินัย  ส่งผลให้ผลการดำเนินงานดีในรอบ 9 เดือนแรกปี 67 เช่นเดียวกับในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา  ซึ่งตอนนี้กำลังมองไปข้างหน้า โดยนำจุดแข็งทางการแข่งขันและขีดความสามารถหลักมาเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตและสร้างมูลค่าให้มากขึ้น ซึ่งการเติบโตของไทยเบฟต่อยอดความสำเร็จจากแผน PASSION2025 ด้วยการเดินหน้าขับเคลื่อนการเติบโตที่ยั่งยืนสู่ PASSION 2023 ซึ่งเป็นแผนดำเนินงานมุ่งสู่การเติบโตอย่างต่อเนื่องในอีก 5 ปีข้างหน้า

ด้านต้องใจ ธนะชานันท์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มงานความยั่งยืนและกลยุทธ์กล่าวว่า ในฐานะเป็นผู้นำอุตสาหกรรมเครื่องดื่มและอาหารในอาเซียน ไม่เพียงแค่การสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจและความเป็นเลิศในการทำงานเท่านั้น แต่ยังปกป้องสิ่งแวดล้อม ป้องกันผลกระทบทางสังคม และส่งเสริมธรรมาภิบาลด้วย

ดังนั้น เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมาย “สร้างการเติบโตยั่งยืน” รวมถึง เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ (NET ZERO) ทั้งทางตรงและทางอ้อมภายในปี 83  ไทยเบฟได้ดำเนินการไปหลายโครงการ โดยปี 66 โครงการติดตั้งแผงผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ครอบคลุมโรงงาน 40 แห่ง ทั้งเมืองไทย พม่าและเวียดนาม พร้อมทั้ง ระยะที่4 จะติดตั้งบริเวณหลังคาและแผงลอยน้ำ ที่รง.เบียร์และรง.เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์

สร้างรง.ผลิตก๊าซชีวภาพรง.สุรา ราชบุรี ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ,การนำพลังงานหมุนเวียนใช้ในองศ์กรแทนพลังงงานเดิม ,ลดการดึงน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติ, ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ,นำขยะอาหารและของเสียอื่นๆมาใช้ใหม่, เก็บกลับบรรจุภัณฑ์ขวดแก้ว เพื่อนำมาใช้ใหม่และรีไซเคิล และมีสัดส่วนผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ในประเทศไทยได้รับเครื่องหมาย “ทางเลือกสุขภาพ”