ชาวบ้านฮือต้าน "สหรัฐฯ ตั้งฐานทัพที่พังงา หวั่นไทยเป็นสมรภูมิ เสี่ยงเกิดสงครามใหญ่


ชาวบ้านและกลุ่ม "คนรักแผ่นดิน" รวมตัวหน้ากระทรวงกลาโหม ยื่นหนังสือค้านสุดตัว หากรัฐบาลไฟเขียวให้สหรัฐฯ ใช้ฐานทัพเรือทับละมุ หวั่นไทยตกเป็นเป้าโจมตี หายนะจะมาเยือน ทั้งเศรษฐกิจและอธิปไตย
จากกระแสข่าวลือที่สะพัดไปทั่ว ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ มีเงื่อนไขจะขอใช้ "ฐานทัพเรือทับละมุ" จังหวัดพังงา เป็นฐานปฏิบัติการสำคัญในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก แลกกับการเจรจาภาษีการค้าที่ถูกตั้งกำแพงไว้ โดย โดนัลด์ ทรัมป์ ล่าสุดข่าวลือนี้ไม่ได้อยู่แค่ในวงแคบอีกต่อไป
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (5 ก.ย. 68) กลุ่มชาวบ้านทับละมุและกลุ่ม “รวมพลคนรักแผ่นดิน” ได้รวมตัวกันที่หน้ากระทรวงกลาโหม เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนถึงรัฐมนตรีและปลัดกระทรวงกลาโหม
โดยเริ่มตั้งขบวนจากบริเวณพระแม่ธรณีบีบมวยผม สนามหลวง เดินเท้ามุ่งหน้าสู่ศาลหลักเมือง ก่อนที่แกนนำจะเข้ายื่นจดหมาย 2 ฉบับ เพื่อส่งเสียงคัดค้านและแสดงความกังวลอย่างถึงที่สุด
นายวัฒนา มีเต้ม แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม กล่าวว่า การที่สหรัฐฯ ต้องการใช้ฐานทัพเรือที่พังงา อาจไม่ใช่แค่เพื่อ "รักษาความมั่นคงในภูมิภาค" อย่างที่กล่าวอ้าง แต่เป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการเผชิญหน้าในระดับภูมิภาคที่กำลังทวีความรุนแรง และตั้งคำถามว่า "เราจะได้ประโยชน์อะไรจริงหรือ?"
นายวัฒนา ยังได้ยกตัวอย่างประสบการณ์ที่ผ่านมาของหลายประเทศที่ยอมให้สหรัฐฯ เข้ามาตั้งฐานทัพ ว่าแรกเริ่ม สหรัฐฯ จะเสนอการช่วยเหลือทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานและเทคนิค แต่สุดท้ายประเทศเจ้าบ้านกลับต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายมหาศาล และบางครั้งยังถูกบังคับให้ซื้อ "อาวุธมือสอง" ในราคาที่สูงลิ่ว
ผลประโยชน์ที่หายไป! พันธมิตรที่ทิ้งกันยามวิกฤต
นายวัฒนา ยังได้กล่าวต่อไปว่า แม้แต่ในเหตุการณ์ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชาเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา สหรัฐฯ ก็ไม่ได้แสดงท่าทีช่วยเหลือ หรือแม้แต่ให้การสนับสนุนทางวาจา ในทางกลับกันกลับมองว่าไทยเป็นฝ่ายทอดทิ้งชาวกัมพูชา แสดงให้เห็นว่าการเป็น "พันธมิตร" กับสหรัฐฯ นั้น ไม่ได้ส่งผลดีอะไรกับประเทศไทยเลย
“หากสหรัฐฯ ได้รับอนุญาตให้ตั้งกองกำลังเคลื่อนที่บุกรุกอย่างเสรีที่ฐานทัพพังงา จะก่อให้เกิดหายนะร้ายแรงต่อประเทศไทย” นายวัฒนากล่าวทิ้งท้ายว่า การตัดสินใจในครั้งนี้จะทำลายสมดุลในภูมิภาค และทำให้ไทยตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะเป็นสมรภูมิ หากเกิดสงครามในระดับภูมิภาคขึ้นมาจริงๆ
ชาวบ้านกลุ่มนี้แสดงความกังวลว่า หากเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง จะทำให้กองทัพสหรัฐฯ กลายเป็นผู้มีอำนาจปกครองสูงสุดในประเทศไทย และอาจนำไปสู่การแทรกแซงกิจการภายใน รวมถึงกระทบต่อเสถียรภาพและความมั่นคงของชาติในระยะยาว.