117 ปี ย้อนรอยประวัติศาสตร์พระพุทธเจ้าหลวง (รัชกาลที่ 5) ทรงเสด็จประพาสดงศรีมหาโพธิ์ ปราจีนบุรี!

117 ปี ย้อนรอยประวัติศาสตร์พระพุทธเจ้าหลวง (รัชกาลที่ 5) ทรงเสด็จประพาสดงศรีมหาโพธิ์ ปราจีนบุรี!





Image
ad1

นางสาวสุภาวดี อินทรประเสริฐ หัวหน้ากลุ่มโบราณคดีสำนักศิลปากรที่ 5 ปราจีนบุรี กล่าวว่า   ในทุกวันที่ 23 ตุลาคมของทุกปี เป็นวันปิยมหาราช ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โดยมีกิจกรรมหลักคือการ วางพวงมาลาและถวายบังคม ที่พระบรมรูปทรงม้า หรือพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระองค์ทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังมีการจัด ทำบุญตักบาตร อุทิศส่วนกุศล และ จัดนิทรรศการ เพื่อเผยแพร่พระราชประวัติและพระราชกรณียกิจ นั้น

ที่ จ.ปราจีนบุรี  มีพระราชกรณียกิจโดดเด่นที่สำคัญและเหล่าพสกนิกรทุกหมู่เหล่าน้อมรำลึกถึง อาทิ ทรงเคยเสด็จประพาสต้นแม่น้ำปราจีนบุรีมามณฑลปราจีนบุรีดูแลทุกข์สุขของพสกนิกร ซึ่ง เป็นเหตุการณ์สำคัญที่สะท้อนถึงพระราชดำริอันลึกซึ้งในการพัฒนาประเทศ ทั้งในด้านการปกครอง เศรษฐกิจ และศาสนา พระองค์เสด็จโดยขบวนเรือพระที่นั่งไปตามลำน้ำบางปะกง เข้าสู่เมืองปราจีนบุรี เพื่อทอดพระเนตรความเป็นอยู่ของราษฎร และเยี่ยมเยือนวัดวาอารามสำคัญในพื้นที่ ซึ่งกลายเป็นร่องรอยแห่งพระมหากรุณาธิคุณอันล้ำค่า ที่ชาวปราจีนบุรีรำลึกถึงตราบจนทุกวันนี้

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสเมืองปราจีน จำนวน 2ครั้ง ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2415 และครั้งที่สองเมื่อปี พ.ศ. 2451 โดยใช้เส้นทางตามคลองรังสิตคลอง 9 คลอง 10 ผ่านแม่น้ำนครนายกปากน้ำโยทะกาเข้าลำน้ำแม่น้ำปราจีนบุรี ขึ้นที่อำเภอศรีมหาโพธิ

โดยในครั้งที่สอง พระองค์ทรงมีพระราชหัตถเลขาถึงสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ (ในกาลต่อมารับราชสมบัติเป็นพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6) พระราชบันทึกเรื่องราวการเสด็จประพาสโดยตลอดเส้นทางเสด็จ โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 17 – 18 ธันวาคม พ.ศ. 2451 ที่พระองค์เสด็จประพาสถึงเมืองศรีมหาโพธิ ดังนี้

วันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2451  ทรงลงเรือล่องไปขึ้นที่ทุ่งพลับพลา ณ อำเภอเมืองปราจีนบุรี เพื่อเยี่ยมชมตลาดหน้าเมือง จากนั้นล่องเรือขึ้นมาตามลำน้ำ เสวยพระกระยาหารที่ตำบลศรีมหาโพธิ ใต้ร่มไม้แห่งหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะเป็นโคกสูง อยู่ทางใต้ของวัดอินทรแบกลงมา

และได้ล่องเรือต่อไปยังพลับพลาที่ประทับแรม ณ อำเภอศรีมหาโพธิ ผ่านตลาดเป็นระยะ ๆ ที่ท่าพวกชาวป่าลง คือ ที่ท่าหาดและท่าเขมร ซึ่งเปลี่ยนชื่อว่า“ท่าประชุมชน”เมื่อถึงพลับพลาที่ประทับจึงได้เสด็จต่อไปยังบ้านเจ้าอลังการ (พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอลังการ) และได้เลยขึ้นไปชม ชุมชนท่าตูม ก่อนจะเสด็จกลับไปยังพลับพลาที่ประทับ ณ อำเภอศรีมหาโพธิ โดยทรงประทับพักแรมเป็นเวลา 1 คืน

ที่อำเภอศรีมหาโพธิพระองค์ทรงช้างไปยังบ้านโคกขวางเพื่อทอดพระเนตรโบราณสถานบ้านพานหิน โบราณสถานลายพระหัตถ์ และโบราณสถานหลุมเมือง  ณ เทวสถานโบราณดงศรีมหาโพธิ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้จารึกพระปรมาภิไธย “จปร 41/127” ลงบนแผ่นศิลาแลงขนาดสูง 1 เมตร กว้าง 50 เมตร ยาว 1 เมตร ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นซากของอาคารเก่าในสมัยทวารวดี โดยมีความหมายคือ 41 หมายถึงปีที่รัชกาลของพระองค์ และ 127หมายถึง ร.ศ. 127 ที่พระองค์ได้เสด็จประพาสมายังเมืองศรีมหาโพธิ

การเสด็จประพาสดงศรีมหาโพธิ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว นับเป็นมิ่งขวัญ ให้แก่ชาวเมืองศรีมหาโพธิเป็นอย่างล้นพ้น ดังที่มีพระราชบันทึกว่าชาวบ้านที่มารับเสด็จต่างอยู่ในอาการ ชื่นชมยินดี และเข้ามากราบเทิดทูลพระองค์ไว้เหนือเกล้า รวมทั้งพากันเข้ามาขอให้พระองค์พระราชทานพรให้ ซึ่งนับว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้นแก่ราษฎรเมืองศรีมหาโพธิที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพรแก่ชาวเมืองศรีมหาโพธิ

ด้วยความน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ในปี พ.ศ. 2457 ชาวเมืองศรีมหาโพธิ   จึงสร้างมณฑปคลุมหินที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวลงพระปรมาภิไธยไว้ ต่อมาได้เกิดชำรุดจึงได้มีการสร้างมณฑปใหม่ขึ้นมาทดแทนมณฑปเดิมในปี พ.ศ. 2473 ให้เป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก มีลวดลายปูนปั้นรูปครุฑ ลายดอกไม้ โดยชาวเมืองศรีมหาโพธิ เรียกสถานที่นี้ว่า “อนุสาวรีย์ลายพระหัตถ์” หรือ “ลายพระหัตถ์” ตั้งอยู่ที่ ตำบลหนองโพรง อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี นางสาวสุภาวดี กล่าว

ด้านนายธวัธชัย  ขยันยิ่ง อดีตประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี (อบจ.) และอดีตประธานสภาวัฒนธรรม อ.ศรีมโหสถ กล่าวว่า    วันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2451   ทรงขึ้นช้างของเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ซึ่งมีชื่อว่า“กปุม”เพื่อเสด็จพระราชดำเนินไปสำรวจแหล่งโบราณสถานและเทวสถาน ณ ดงศรีมหาโพธิ ซึ่งมีการค้นพบในรัชสมัยของพระองค์

 และพระองค์ทรงมีพระราชบันทึกถึงเรื่องประวัติดงศรีมหาโพธิไว้ในพระราชหัตถเลขา ดังความว่า…“ดงศรีมหาโพธินี้ ได้ชื่อจากต้นโพธิ์ต้นหนึ่ง ซึ่งว่าเป็นโพธิ์เก่าแก่ เป็นที่นับถือสักการะบูชา ระยะห่างจากโคกฝางนี้ประมาณเช้าชั่วเพลแต่ก็อยู่ชายดง ว่าโพธิ์นั้นตั้งอยู่บนโนน แต่คนแก่เขาบอกว่าไม่ใช่โนน เป็นทรายที่คนนับถือไปบูชา กองพอก ๆ ขึ้นไปจนเป็นโนนสูงสัก 6 ศอกเศษ มีพระรูปหนึ่งออกมาสร้างวัด เรียกชื่อว่าหลวงพ่ออิฐ จะถามหาปีเดือนว่าได้สร้างเมื่อใดก็บอกไม่ถูก ได้ความแต่ว่าวัดนั้น ได้สร้างมาแต่เมื่อยายแก่อายุ 60 ปี ได้เห็นเป็นวัดอยู่แล้ว พระเป็นไทยบ้าง ลาวบ้างปนกัน มีพระบาทจำลอง

นางสาวสุภาวดี อินทรประเสริฐ 

ฤดูเดือนห้า ราษฎรพากันไปไหว้ต้นโพธิ์และพระบาท มาแต่ไกลจากเมืองพนมสารคามท่าประชุมและที่อื่น ๆ เป็นตลาดนัดซื้อขายจอแจกัน 2 วัน 3 วัน และมีดอกไม้เพลิงบ้องไฟเป็นต้นมาจุดในการ นักขัตฤกษ์นี้”นายธวัธชัย  กล่าว

นายธวัชชัย  ขยันยิ่ง

และกล่าวต่อไปว่า สำหรับต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่วัดต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี มีความสำคัญอย่างมากเนื่องจากเชื่อว่าเป็นหน่อที่ได้มาจากต้นพระศรีมหาโพธิ์ ณ เมืองพุทธคยา ประเทศอินเดีย มีอายุมากกว่า 2,500 ปี ซึ่งเป็นสถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ต้นโพธิ์นี้มีขนาดใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย และถือเป็นต้นไม้สัญลักษณ์สำคัญของจังหวัดปราจีนบุรี ได้นำมาตั้งเป็นคำขวัญ จ.ปราจีนบุรีว่า … “ศรีมหาโพธิ์คู่บ้าน ไผ่ตงคู่เมือง ผลไม้ลือเลื่อง เขตเมืองทวารวดี” ปัจจุบันต้นโพธิ์ต้นนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติโดยกรมศิลปากร  นายธวัธชัย  กล่าว

พระครูโกศล  ถาวรกิจ 

ด้านพระครูโกศล  ถาวรกิจ อายุ 91 ปี เจ้าอาวาสวัดบางแตน กล่าวว่า  ในคราวเสด็จประพาสครั้งนั้น    พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จถึง วัดบางแตน อำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน เรือบิณฑบาต และ ปิ่นโต แด่พระภิกษุในวัด เพื่อใช้ในการบำเพ็ญศาสนกิจและเผยแผ่พระธรรมแก่ชาวบ้านริมแม่น้ำ ถือเป็นของพระราชทานที่เปี่ยมด้วยพระเมตตาและเป็นสิ่งล้ำค่าทางจิตใจของพุทธศาสนิกชน

นายมานิตย์  สนับบุญ

เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ชาวบ้านแตนจึงร่วมใจกันสร้าง “พลับพลารับเสด็จ” ไว้เป็นอนุสรณ์ ณ บริเวณที่พระองค์เสด็จประทับพัก และต่อมาได้มีการสร้าง “พระบรมราชนานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” ภายในบริเวณพลับพลาดังกล่าว เพื่อเป็นสถานที่ให้ประชาชนได้กราบสักการะและน้อมรำลึกถึงพระองค์ทุกปีในวันสำคัญ

รูปเหมือนหลวงพ่ออิด วัดต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ

นอกจากวัดบางแตนแล้ว พระองค์ยังเสด็จไปยัง วัดบางกระเบา ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ริมฝั่งแม่น้ำบางปะกง และได้ทรงพระราชทาน “เรือเก๋งจีน” แด่ หลวงพ่อจาด คงฺคสโร  หรือ พระครูสิทธิสารคุณ พระเกจิอาจารย์ผู้มีเมตตาและเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้าน เพื่อใช้ในการเดินทางเผยแผ่พระธรรมและประกอบกิจทางศาสนา เรือพระราชทานลำนี้ได้รับการอนุรักษ์ไว้ในวัดจนถึงปัจจุบัน และนับเป็นเครื่องหมายแห่งความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างพระมหากษัตริย์กับพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ  ด้านพระครูโกศล  กล่าวในที่สุด  

หลงพ่อจาด วัดบางกระเบา

โดย... มานิตย์  สนับบุญ  –รายงาน/ณัฐนันท์ – ภาพ / ปราจีนบุรี ###